เดโมแครตหนุน‘คามาลา’ประชุมลับโละ‘ไบเดน’
ตอนนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังกลายเป็นจุดอ่อนที่สมาชิกพรรคเดโมแครตอยากจะโละทิ้ง ตั้งแต่เรื่องคะแนนนิยมตกต่ำ การมีอายุมาก และปัญหาเศรษฐกิจที่แก้ไม่ตก ขณะที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส อาจเป็นตัวเลือกที่จะมาทดแทนได้
ขณะที่การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ เพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเข้าสู่สภาคองเกรส กำลังจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตทั้ง ส.ส.และส.ว. ที่อยู่ในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่พรรค และผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรค ต่างมองไกลไปถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี และลงความเห็นว่า ประธานาธิบดีไบเดน ไม่ควรลงสมัครชิงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2567 ด้วยความที่แก่มากแล้ว และกำลังจะมีอายุครบ 80 ปี ในวันที่ 20 พ.ย. ที่จะถึงนี้
ถ้าเขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2567 กว่าจะได้ดำรงตำแหน่งในปี 2568 ไบเดนก็จะมีอายุย่าง 83 ปี
ขณะที่ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดบ่งชี้ว่า แม้ไม่ใช่เรื่องแปลกในปัจจุบันที่ประธานาธิบดีจะไม่เป็นที่นิยม แต่ค่าเฉลี่ยคะแนนนิยมของไบเดนต่ำจนน่าตกใจ แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่พอใจผลงานของเขา
ผลสำรวจที่จัดทำร่วมกันระหว่าง NPR/PBS/Marist College แสดงให้เห็นคะแนนนิยมไบเดนร่วงลงไปอยู่ที่ 38% แต่ของมหาวิทยาลัย Quinnipiac ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อสุดสัปดาห์ แย่ยิ่งกว่าคือลงไปอยู่ที่ 33%
ส่วนแกลลัพ โพลล์ ที่ถือว่าดีที่สุดก็ยังไม่ถึง 50% โดยครั้งสุดท้ายที่คะแนนนิยมของไบเดนดีที่สุด คือผลสำรวจเมื่อเดือนก.ค. ปี2564 ที่อยู่ที่ 50% ก่อนจะลดลงเหลือ 49% ในเดือนก.ย.ปีเดียวกัน และนับตั้งแต่นั้นมาคะแนนนิยมของเขาก็ไม่เคยสูงเกิน 43%
เฉพาะ 2 ปัจจัยหลักคือ การมีอายุมากกับคะแนนนิยม ก็ทำให้พรรคเดโมแครตส่วนใหญ่เริ่มไม่แน่ใจในศักยภาพของไบเดนว่าจะกอบกู้หรือนำพาพรรคผ่านสมรภูมิเลือกตั้งกลางเทอมได้ ยังไม่รวมปัญหาที่รุมเร้าอยู่ในเวลานี้ที่เรียกว่า “Bidenflation” ทั้งเงินเฟ้อพุ่งกระทบค่าครองชีพ และน้ำมันแพง ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ซบเซาจากการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืน ที่ยังคงมีเหตุยิงกันรายวัน โดยยังไม่มีกฎหมายควบคุมที่บังเกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม
การสำรวจความเห็นของสมาชิกพรรค เกือบ 50 คน ไล่ตั้งแต่ผู้นำเทศมณฑลจนถึงสมาชิกสภาคองเกรส ตลอดจนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ผิดหวังจากการสนับสนุนไบเดนเมื่อปี 2563 เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก ที่พรรครีพับลีกันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
บางคนมองไปถึงขั้นที่ว่าถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาลงเลือกตั้งใหม่ไบเดนก็จะสู้ไม่ได้ และควรจะถอยจากการลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคไปสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2567 และประเด็นนี้ นำไปสู่การจัดประชุมลับร่วมกันหลายครั้ง
“เดวิด แอ็กเซลรอด” หัวหน้าฝ่ายวางยุทธศาสตร์ที่ทำให้บารัก โอบามา ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 ครั้ง ให้ความเห็นว่าตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และความจริงที่เลวร้ายคือประธานาธิบดีกำลังใกล้จะมีวัย 90 ไม่ใช่ 80 อีกทั้งตัวไบเดน ก็ไม่ได้รับเครดิตจากการขับเคลื่อนประเทศผ่านวิกฤติโรคระบาด, ผ่านกฎหมายประวัติศาสตร์ดึงชาติพันธมิตรร่วมต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัสเซีย, ฟื้นฟูความประพฤติที่เหมาะสมและมารยาทในทำเนียบขาว เพราะจุดบอดเรื่องอายุ และความไม่กระฉับกระเฉงเมื่ออยู่หน้ากล้อง
ขณะนี้ ดูเหมือนฝ่ายของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส กำลังเตรียมตัวรับความเป็นไปได้ เพราะตารางแคมเปญของเธอตอนนี้แน่นขนัด การปรากฏตัวที่เซาธ์ แคโรไลนา ทำให้หลายคนย้อนรำลึกไปถึงตอนเธอไปหาเสียงเมื่อปี 2563 ตอนนั้น อดีตวุมิสมาชิกจากรัฐแคลิฟอร์เนียผู้นี้ ที่มีความทะเยอทะยานจะเป็นตัวแทนพรรค ไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้โชว์การปราศรัยที่โดดเด่นโจมตีไบเดนอย่างดุเดือด ก่อนจะลงเอยด้วยการไปลงสู้ศึกคู่กับเขา
ถ้าหากไบเดนไปต่อไม่ไหว ความทะเยอทะยานของแฮร์ริสน่าจะถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งที่เธอเปิดหน้าครั้งแรกต่อหน้าคน 20,000 คน ที่เมืองโอ๊กแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอจะต้องจะแก้จุดอ่อนในครั้งนั้นของตัวเองในหลายข้อ
รวมถึงต้องอธิบายถึงเหตุผลในการลงสมัครได้อย่างชัดเจน, ตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบายที่มีความสำคัญ เช่น สาธารณสุขได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ, ใช้ความโดดเด่นด้านการอภิปรายโต้แย้งมาใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างเต็มที่และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะยืนอยู่ฝ่ายหัวก้าวหน้าหรือสายกลาง