หุ้นยุโรปปิดลบเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน วิตกขึ้นดอกเบี้ย-ศก.ถดถอย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในวันอังคาร (14 มิ.ย.) ปรับตัวลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในสหรัฐ และแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 407.32 จุด ลดลง 5.20 จุด หรือ -1.26% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,949.84 จุด ลดลง 72.48 จุด หรือ -1.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,304.39 จุด ลดลง 122.64 จุด หรือ -0.91% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,187.46 จุด ลดลง 18.35 จุด หรือ -0.25%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากดัชนี S&P500 ยืนยันการเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (bear market) เมื่อวันจันทร์(13มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในยูโรโซน, ภาวะการเงินตึงตัว และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดยุโรปร่วงลง ขณะที่กลุ่มธนาคารฟื้นตัวขึ้น 1.1%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ โอคาโด และคิงฟิสเชอร์ ร่วงลง 10.8% และ 4.4% ตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวขึ้น 0.8% สวนทางตลาด หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันตึงตัวทั่วโลก
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การตัดสินใจของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างมาก