หุ้นยุโรปปิดร่วงต่ำสุดรอบ 3 เดือนจากวิตกเงินเฟ้อพุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงต่อในวันจันทร์ (13 มิ.ย.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 412.52 จุด ร่วงลง 10.19 จุด หรือ -2.41% ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,022.32 จุด ลดลง 164.91 จุด หรือ -2.67%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,427.03 จุด ลดลง 334.80 จุด หรือ -2.43% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,205.81 จุด ลดลง 111.71 จุด หรือ -1.53
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง 5 วันติดต่อกันแล้วจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ หลังเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2524 ซึ่งเพิ่มความวิตกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และการควบคุมโควิด-19 ในจีนทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 4.2% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน ขณะที่กลุ่มหุ้นที่เชื่อมโยงกับภาวะเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มเดินทางและสันทนาการ และกลุ่มรถยนต์ ร่วงลง 5.3% และ 4.5% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซนร่วงลง 3.1% จากความผิดหวังที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้เปิดเผยเครื่องมือใด ๆ ที่จะสนับสนุนพันธบัตรยุโรปในการประชุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์, หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล และหุ้นเครดิต อากริโคล ร่วง 4-4.7%
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสรอบแรก ซึ่งพรรคของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง มีคะแนนนำพรรคฝ่ายซ้ายอยู่เพียงเล็กน้อย