โกลด์แมนแซคส์เตือนเงินเฟ้อฝังรากลึกระบบศก.โลก กระทบภาคธุรกิจ-ผู้บริโภค
นายเดวิด โซโลมอน ซีอีโอของบริษัทโกลด์แมน แซคส์เตือนว่า ปัญหาเงินเฟ้อกำลังฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจโลก และไม่มีความชัดเจนว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงภายในปีนี้หรือไม่
“เราคาดว่าขณะนี้เงินเฟ้อได้กัดเซาะระบบเศรษฐกิจโลกแล้ว และสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงเวลานี้ก็คือ ทั้งอุปสงค์และอุปทานต่างก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกซึ่งได้แก่โรคระบาด และสงครามในยูเครน” นายโซโลมอนกล่าวกับนักวิเคราะห์ หลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันจันทร์ (18 ก.ค.)
“หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับบรรดาซีอีโอของบริษัทรายใหญ่ระดับโลก พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานนั้นจะยังคงยืดเยื้อต่อไป ขณะที่ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์มองว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่า เงินเฟ้ออาจจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่คำตอบในเรื่องนี้ก็ยังไม่แน่นอน และเราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายโซโลมอนกล่าว
นายโซโลมอนยังกล่าวด้วยว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะทำให้ตลาดสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งเดิมก็ผันผวนอยู่แล้ว จะยิ่งผันผวนมากขึ้นอีกในอนาคต โดยเขาแสดงความกังวลว่า มาตรการควบคุมเงินเฟ้อของธนาคารกลางจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของทั้งภาคธุรกิจและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค
นายโซโลมอนแสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากธุรกิจการทำข้อตกลงควบรวมกิจการที่ซบเซา
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 7.73 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 5.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 15.02 ดอลลาร์/หุ้น แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.58 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนรายได้อยู่ 1.186 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่า 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.086 หมื่นล้านดอลลาร์