ผลศึกษาชี้เชื้อโควิดปะทุได้แม้เพิ่งหายป่วย

ผลศึกษาที่อยู่ระหว่างการทบทวนชิ้นนี้ บ่งชี้ว่าผู้ป่วยโควิด 27% มีอาการติดเชื้ออีกครั้งหลังจากหายป่วยในระยะแรก

ดร.ดาวี สมิธ หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ และสาธารณสุขโลก ประจำคณะแพทย์ซานดิเอโก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่า เชื้อโควิดปะทุขึ้นได้ตลอด  ผู้ป่วยที่รักษาโควิดแล้วมีอาการดีขึ้น สามารถกลับมามีอาการป่วยได้อีก และจำนวนผู้ติดเชื้อซ้ำ 27% นั้นถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ผลศึกษาซึ่งได้จากกลุ่มคนที่รักษาด้วยยาแพ็กซ์โลวิด ยังพบว่า 12% ของผู้ป่วยโควิดมีการฟื้นตัวของไวรัส ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยจะมีผลตรวจโควิดเป็นบวกอีกครั้ง ภายในไม่กี่วันหลังจากมีผลตรวจเป็นลบ

อย่างไรก็ตาม ผลศึกษาชิ้นนี้ระบุว่า การปะทุของไวรัสเกิดขึ้นโดยไม่คำนึงว่าผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสหรือไม่ ดังนั้น ใครก็ตามที่ติดโควิดสามารถมีอาการป่วยได้อีกหลังจากที่หายป่วยในระยะแรก และอาการเหล่านั้นอาจจะแย่ลงหรือมีอาการติดเชื้อน้อยกว่าครั้งแรก ซึ่งดร.สมิธ มองว่าเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของการติดเชื้อ

       ผลศึกษาชิ้นนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ วัย 79 ปี ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 21 ก.ค. และได้รับยาต้านไวรัสแพ็กซ์โลวิดจนครบคอร์สเป็นเวลา 5 วัน จนกระทั่งตรวจไม่พบเชื้อเมื่อวันที่ 26 ก.ค. และการตรวจหาเชื้ออีก 3 ครั้งหลังจากนั้นก็ไม่พบเชื้ออีก  ทำให้ไบเดนยุติการกักตัวและกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง

 ด้านเว็บไซต์ข่าวโพลิติโก สื่อการเมืองชื่อดังของสหรัฐรายงานว่า หลังจากตรวจไม่พบเชื้อ ไบเดนได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งขัดกับคำแนะนำของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ(ซีดีซี) ที่ระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน นับตั้งแต่ตรวจพบว่าติดเชื้อ

          ช่วงสายของวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.) ไบเดนตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้ง และพบว่าผลเป็นบวก ซึ่งนายแพทย์เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว ระบุว่า ไบเดนเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ป่วยโควิดส่วนน้อยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสแพ็กซ์โลวิดแล้วกลับมาตรวจพบเชื้อซ้ำหลังจากหายป่วย

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์