Leaders' Move ถอดรหัสสัมพันธ์ 'ญี่ปุ่น - อินโดนีเซีย' จักรพรรดิเยือนสัปดาห์หน้า
ข่าวรัฐมนตรีอินโดนีเซีย เผยว่า อีซูซุจะย้ายฐานการผลิตจากไทยไปแดนอิเหนา แม้ภายหลังอีซูซุยืนยันว่าไม่มีแผนการดังกล่าว แต่ทำให้อินโดนีเซียถูกจับตา โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวว่าสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นจะเสด็จเยือนในสัปดาห์หน้า ถือเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ครองราชย์ในปี 2019
แถลงการณ์จากรัฐบาลญี่ปุ่นโดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แจ้งว่าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ จะเสด็จเยือนอินโดนีเซียในวันที่ 17-23 มิ.ย.ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ขณะไปเยือนกรุงโตเกียวเมื่อปีก่อน
“การเสด็จเยือนจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันใกล้ชิด และความปรารถนาดีต่ออินโดนีเซีย” นายกฯ คิชิดะ ระบุในแถลงการณ์
รายงานข่าวกล่าวด้วยว่า สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น จะค่อยๆ กลับมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจจากที่เคยงดไปในช่วงโควิดระบาด ปีที่แล้วทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ทรงครองบัลลังก์ดอกเบญจมาศ ร่วมพระราชพิธีบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในกรุงลอนดอน
ในระดับรัฐบาลความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับอินโดนีเซียถือว่าน่าจับตา เนื่องจากปีนี้ครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1958 เมื่อเดือนพ.ค. 2022 ประธานาธิบดีโจโกวี เยือนญี่ปุ่น เดือนก.พ.ปีนี้ นายกฯ คิชิดะมาเยือนอินโดนีเซีย การผลัดกันไปเยือนสะท้อนความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างสองประเทศ
ที่ไม่ธรรมดาคือ เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำจี7 ที่เมืองฮิโรชิมา งานนี้ไม่ได้มีแค่ผู้นำ 7 ประเทศ แต่คิชิดะยังเชิญผู้นำจากประเทศมหาอำนาจกำลังพัฒนามาร่วมด้วยหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือ ผู้นำอินโดนีเซีย
หากพิจารณาจากมุมมองของรัฐบาลโตเกียว นายคาเนโกะ คาซูยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 2 กรมกิจการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันตกเฉียงใต้ กระทรวงการต่างประเทศ เคยเผยกับสำนักข่าวอันตาราของอินโดนีเซีย เมื่อเดือนก.พ. ก่อนการมาเยือนของนายกฯ คิชิดะอินโดนีเซียสำคัญต่อญี่ปุ่นเพราะเป็นประเทศหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มประเทศจี20 มีที่ตั้งสำคัญมากในเชิงยุทธศาสตร์เพราะตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญสำหรับญี่ปุ่นนอกจากนี้ยังมีทรัพยากรพลังงานมหาศาล มีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีก ประชากรจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวแตกต่างจากญี่ปุ่นที่ตอนนี้มีผู้สูงอายุมาก
ผลสำรวจชิ้นหนึ่งพบว่า อินโดนีเซียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2050
ยิ่งไปกว่านั้น อินโดนีเซียยังเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีพลวัตมากที่สุดด้วยจำนวนประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก
“นี่แตกต่างจากประเทศตะวันออกกลางที่ยากจะหยั่งรู้ถึงอธิปไตยของประชาชน แม้เป็นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศมุสลิมก็ตาม” นายคาเนโกะย้ำ
ได้ยินคำชื่นชมจากปากญี่ปุ่นก็น่าปลื้มใจแทนอินโดนีเซีย ความเคลื่อนไหวนับจากนี้ไทยในฐานะเพื่อนบ้านอาเซียนจึงมองข้ามไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลหรือท่าทีจากภาคเอกชน ในช่วงที่กระแสย้ายฐานการผลิตกำลังมา
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์