เผยกลยุทธ์หนุน 'รถยนต์ไฟฟ้า' จีน สะพานสู่ผู้นำตลาด 'EV' โลก
ในการแข่งขันลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หลายประเทศต่างเสนอสิ่งจูงใจมากมาย เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จีนใช้มาหลายปี จนทำให้จีนกลายเป็นตลาดยานยนต์อีวีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก !
ความสำเร็จของการสนับสนุนอุตสาหกรรมอีวีของรัฐบาลปักกิ่ง เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
ปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์อีวีคิดเป็น 1 ใน 4 ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมด ซึ่งมากกว่า 1 ใน 7 ของการจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐ และมากกว่า 1 ใน 8 ของการจำหน่ายรถยนต์ในยุโรป และตลาดอีวีจีนจะเติบโตยิ่งขึ้นไปอีก
ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ คอร์เปอร์เรชัน (เอชเอสบีซี) คาดว่า สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าอีวีในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก อาจสูงถึง 90% ภายในปี 2573 และเมื่อปี 2565 ยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาด รวมทั้งรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดในจีน ทะลุ 5.67 ล้านคัน มากกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์ที่ส่งมอบทั่วโลก
ด้านบลูมเบิร์กนิวเอนเนอร์จีไฟแนนซ์ เผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของจีนปีนี้ อาจมีส่วนสูงถึง 60% ของยอดขายรถยนต์อีวี 14.1 ล้านคันของโลก
นักวิเคราะห์จาก เอชเอสบีซี บอกว่า ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมจำหน่ายรถยนต์ที่บูมเท่านั้น แต่ภาคการผลิตก็เติบโตมากเช่นกัน เพราะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนครองสัดส่วนครึ่งหนึ่งของรถยนต์อีวีที่จำหน่ายทั่วโลก
นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพียงพอในจีน ช่วยให้คนหันไปใช้รถยนต์อีวีมากขึ้น ซึ่งจีนมีเครือข่ายชาร์จรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปี 2565 จีนมีสถานีชาร์จไฟฟ้าสูงถึง 649,000 แห่ง มากกว่า 70% ของสถานีชาร์จทั่วโลกที่ติดตั้งแล้วเสร็จในปีนั้น
แล้วปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเติบโตมากขนาดนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก สรุปกลยุทธ์จูงใจของจีนที่กระตุ้นการใช้รถอีวี รวมถึงผลกระทบเชิงลบไว้ ดังนี้
สิ่งจูงใจจากรัฐบาล
เงินอุดหนุนให้ลูกค้า
หลาย 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 60,000 หยวน หรือราว 286,000 บาท แม้โครงการนี้จบลงช่วงสิ้นปี 2565 แต่รัฐบาลท้องถิ่นอย่างเซี่ยงไฮ้ ยังคงให้ส่วนลดสำหรับซื้ออีวีสูงสุด 10,000 หยวน หรือราว 47,000 บาท
การลดหย่อนภาษี
จีนลดหย่อนภาษี 10% สำหรับรถยนต์พลังงานสะอาดที่ราคาต่ำกว่า 300,000 หยวน ไปจนถึงปี 2568 และจะลดให้ 5% ในปี 2569 และ 2570
การลดหย่อนภาษีรถยนต์พลังงานสะอาดที่มีมาตั้งแต่ปี 2557 ของจีน อาจมีมูลค่ามากถึง 835 ล้านหยวน ภายในปี 2570
เงินอุดหนุนให้ผู้ผลิตอีวี
การสนับสนุนผู้ผลิตอีวีโดยตรงจากรัฐบาล ช่วยให้หลายธุรกิจเดินหน้าและเติบโตได้
ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่บริษัทอีวีผุดขึ้นมากมาย จนมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในตลาด มากกว่า 500 แบรนด์ในปี 2562 ความพยายามดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของบีวายดี หนุนให้ธุรกิจเป็นแบรนด์ที่ขายดีที่สุดในจีน แทนที่แบรนด์โฟล์คสวาเกนที่ครองตลาดมานานหลายสิบปี
โครงสร้างพื้นฐาน
สถานีชาร์จที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมีให้ใช้งานอย่างแพร่หลาย ช่วยลดต้นทุนให้ผู้ขับขี่และลดความกังวลเกี่ยวสถานีชาร์จ และมาตรฐานสายชาร์จก็เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด เพราะมีการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลและผู้ผลิต เพื่อใช้ปลั๊กชาร์จแบบเดียวกัน
ล่าสุด ช่วงสิ้นเดือน พ.ค. จีนมีเครื่องชาร์จอีวี 6.36 ล้านเครื่องแล้ว มากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ผลกระทบเชิงลบ
รถยนต์ใช้น้ำมันตกอับ
การซื้อหรือเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะมาตรการบางอย่างเอื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า
หลายเมืองในจีนเริ่มลดการจราจรแออัด ด้วยการจำกัดรถยนต์บนท้องถนน ด้วยมาตรการต่าง ๆ อาทิ ห้ามรถยนต์ป้ายทะเบียนต่างถิ่นใช้ถนนในปักกิ่ง ขณะที่ในเซี่ยงไฮ้ มีระบบประมูลป้ายทะเบียน โดยป้ายทะเบียนในเซี่ยงไฮ้ ช่วง 5 เดือนแรกของปีก่อน ราคาเฉลี่ย 92,780 หยวน หรือประมาณ 443,000 บาท
ขณะที่ผู้ขับขี่รถยนต์อีวี สามารถขอทะเบียนสีเขียวได้ง่ายกว่ามาก
ผู้ผลิตรถยนต์เชื้อเพลิงระส่ำ
นโยบาย dual-credit system ของจีน สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2560 เป็นนโยบายให้เครดิตผู้ผลิตรถยนต์พลังงานสะอาด และปรับคะแนนลงสำหรับผู้ผลิตที่มีรถยนต์สิ้นเปลืองพลังงานสูง
รถยนต์จากผู้ผลิตที่มีคะแนนติดลบ อาจต้องออกจากตลาด แต่เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ผลิตสามารถซื้อเครดิตปล่อยมลพิษจากคู่แข่งที่มีคะแนนดีกว่าได้ เช่น เทสลา หรือ บีวายดี แต่อาจมีราคาแพง
ตัวอย่างเช่น ฉางอัน ออโตโมบิล เสียกำไร 4,000 หยวน ในทุก ๆ การจำหน่ายรถยนต์เมื่อปี 2563 เนื่องจากบริษัทซื้อเครดิตปล่อยมลพิษ เพื่อหลีกเลี่ยงถูกดีดออกจากตลาด