ปรับเบาะนอนบนเครื่องไร้มารยาท? ยุโรป-มะกันมอง ลิดรอนสิทธิ ไร้ความปลอดภัย
เอาตัวเองสบาย VS คำนึงถึงส่วนรวม? “ปรับเบาะเอนหลังนอน” สู่วาระแห่งชาติเครื่องบินพาณิชย์ สื่อนอกสำรวจพบ ชาวอเมริกัน 46 เปอร์เซ็นต์ ชี้ เป็นเรื่องหยาบคาย ขณะที่ชาวยุโรปกว่า 59 เปอร์เซ็นต์ยอมรับไม่ได้ มองเป็นเรื่องมารยาทการอยู่ร่วมกัน-ทำความปลอดภัยลดลง
แม้การปรับเบาะเอนหลังนอนจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้โดยสาร เพราะทุกเบาะที่นั่งล้วนมีปุ่มปรับระดับเพื่ออำนวยความสะดวก แต่การสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันและชาวยุโรปบางส่วนเมื่อเร็วๆ นี้กลับพบว่า เกินครึ่งมองเป็นเรื่องไร้มารยาทและหยาบคาย นำไปสู่วิวาทะที่หาข้อสรุปไม่ได้เพราะเรื่องนี้ไม่สามารถชี้ขาดได้ว่า ใครถูกหรือผิด หากแต่เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างผู้โดยสารด้านหน้า-ด้านหลังที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับเบาะเอน
สำนักข่าวเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal) รายงานถึงข้อถกเถียงว่าด้วยเรื่องการปรับเบาะเอนหลังนอน โดยมีกรณีศึกษาของ “ชารอน ชไนเดอร์” (Sharon Snyder) ผู้โดยสารหญิงที่ตีตั๋วเที่ยวบินเดินทางไปเยอรมนีแต่เธอกลับพบว่า ระหว่างทางที่เธอปรับเบาะเอนหลังนั้นก็เริ่มมีการทุบตีมาที่เบาะคล้ายกับต้องการเรียกร้องให้เธอปรับเบาะกลับไปอยู่ที่เดิม ท้ายที่สุด “ชไนเดอร์” ต้องขอให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไกล่เกลี่ยเพื่อนร่วมทางเบาะหลัง โดยเธอมองว่า เพื่อนร่วมทางไม่ควรทำให้เที่ยวบินของผู้อื่นเป็นทุกข์ และอย่าแสดงท่าทีคล้ายกับเป็น “ตำรวจตรวจคนเอนเบาะ” เลย
ทว่า ความคิดเห็นของผู้คนในสังคมกลับไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกับ “ชไนเดอร์” แม้ว่าสายการบินพาณิชย์ส่วนใหญ่จะออกแบบที่นั่งมาพร้อมกับฟังก์ชันปรับเอนหลังเพื่อความสะดวกสบาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคิดเห็นบางส่วนมองว่า พื้นที่บนเครื่องบินค่อนข้างคับแคบและมีสภาพแวดล้อมที่จำกัดอยู่แล้ว การปรับเบาะเอนหลังนอนจึงเป็นการทำลายสภาพการเดินทางของผู้โดยสารคนอื่นๆ หรือไม่
“ผมต่อต้านการปรับเบาะเอนนอน 100%” นิค ลัทโควิค (Nick Latkovic) ชายวัยเกษียณอดีตที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม วัย 67 ปี บอกว่า ตนไม่เคยปรับเบาะเอนหลังนอน ทั้งยังมองว่า ปุ่มปรับเบาะควรถูกระงับได้แล้ว โดยมองเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านความปลอดภัยด้วย ขณะที่ “รอนดา คลาร์ก” (Ronda Clark) หญิงชาวเท็กซัส วัย 55 ปี มองว่า เมื่อซื้อตั๋วจ่ายค่าโดยสารอย่างถูกต้องแล้วทุกคนควรได้รับสิทธินั้น แต่สำหรับตัวเธอมักเลือกที่จะไม่ปรับเอนมากกว่า แต่หากมีผู้โดยสารด้านหน้าปรับเบาะเอนหลังนอนเธอเองก็คงไม่รู้สึกโกรธอะไร
สิทธิในการปรับเบาะเอนหลังกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่มีผู้คนบางส่วนเรียกร้องไปยังสำนักงานการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration) จำนวนไม่น้อย หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าแทรกแซงประเด็นดังกล่าว พร้อมบอกด้วยว่า บางสายการบินไม่ควรได้รับอนุญาตให้ติดตั้งปุ่มปรับเบาะเอนหลังนอนด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม มีการสำรวจในหัวข้อที่ว่ามานี้โดย “The Vacationer” เว็บไซต์ท่องเที่ยว โดยมีกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน 1,100 คน พบว่า 46 เปอร์เซ็นต์ มองเรื่องการปรับเบาะเอนหลังนอนเป็นเรื่องหยาบคาย 28 เปอร์เซ็นต์ มองว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพ แต่หากจำเป็นพวกเขาจะหันไปถามผู้โดยสารด้านหลังก่อน ส่วนอีก 23 เปอร์เซ็นต์มองว่า ไม่ได้เป็นเรื่องหยาบคาย นอกจากนี้ ยังพบว่า มีความแตกต่างทางความคิดเห็นในแต่ละภูมิภาค โดยชาวยุโรปมีความอดทนกับเรื่องนี้น้อยที่สุด กว่า 59 เปอร์เซ็นต์มองว่า การปรับเบาะเอนหลังเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เมื่อปี 2019 สายการบิน “เดลตา แอร์ไลน์” (Delta Air Lines) ลดช่วงระยะการปรับเบาะเอนหลังนอนสำหรับเครื่องบินชั้นธุรกิจลง 2 นิ้ว โดยพบว่า ไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจและความพึงพอใจของลูกค้า สำหรับในมุมข้อกฎหมาย “ไมเคิล เฮลเลอร์” (Michael Heller) ศาสตราจารย์จาก “Columbia Law School” ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทดังกล่าวว่า เนื่องจากผู้โดยสารทั้งสอง (เบาะหน้าและเบาะหลัง) คิดว่า ตนต่างเป็นเจ้าของพื้นที่ทั้งคู่ คนข้างหน้าควบคุมปุ่มปรับเบาะ และคนข้างหลังควบคุมพื้นที่ และเมื่อด้านหน้าที่นั่งมีถาดวางอาหารและโต๊ะวางถาดอยู่แล้ว การปรับเอนเบาะมายังด้านหลังจึงเป็นการลดพื้นที่ใช้สอยจากสิทธิเดิมลงไป ทว่า ในความเป็นจริงพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นเอกสิทธิ์ของสายการบิน ความคลุมเครือของพื้นที่นั้นสายการบินได้ “ระบายความขัดแย้ง” ไปยังผู้โดยสารที่ส่วนใหญ่จะแก้ไขปัญหาด้วยมารยาทและความสุภาพ
ด้าน “เบรทท์ วิลมอท” (Brett Wilmot) รองผู้อำนวยการโครงการจริยธรรม มหาวิทยาลัยวิลลาโนวา กล่าวว่า ตามหลักจริยธรรมแล้วกรณีนี้ไม่มีใครถูกหรือผิด เมื่อผู้โดยสารตกลงซื้อตั๋วเครื่องบินกับสายการบินแล้ว พวกเขาได้ทำข้อตกลงร่วมกับสายการบินโดยให้สิทธิในการดำเนินการบางอย่างกับสายการบินไปแล้วซึ่งรวมถึงการปรับเบาะเอนหลังด้วย แต่เนื่องจากผู้โดยสารเดินทางและใช้พื้นที่ร่วมกับคนจำนวนมาก เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดบางครั้งก็อาจต้องเลือกที่จะไม่ใช้ประโยชน์จากสิทธิของตนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มองว่าทั้งสองมุมมีความสำคัญต่อการพิจารณาให้รอบด้านที่สุด
ทั้งนี้ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อการอยู่ร่วมกันว่า หากต้องการเอนหลังนอนจริงๆ ผู้โดยสารอาจทำการสำรวจมองด้านหลังก่อนว่า เพื่อนร่วมทางของเรากำลังทำธุระที่การปรับเบาะอาจไปรบกวนหรือไม่ เช่น รับประทานอาหาร หรือเปิดแลปท็อปทำงาน โดย “กฎทอง” ที่สำคัญที่สุดของการปรับเบาะ คือ ค่อยๆ เอนหลังอย่างช้าๆ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณก่อน พร้อมหันไปบอกอย่างสุภาพว่า คุณต้องการปรับเบาะเอนหลังนอน หากสื่อสารกันอย่างสุภาพ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ก็จะช่วยให้สภาพแวดล้อมในการเดินทางดีกับทุกฝ่ายนั่นเอง
อ้างอิง: Action News Jax, The Wall Street Journal