รู้จักเมลเบิร์นเมืองเจ้าภาพประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย l World Pulse

อีกไม่กี่วัน ออสเตรเลียกำลังเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลียสมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 4-6 มี.ค. เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ออสเตรเลียเป็นคู่เจรจาของอาเซียนประเทศแรก 

ออสเตรเลียเคยจัดงานใหญ่มาหลายงาน เช่น การประชุมผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลียสมัยพิเศษ เมื่อปี 2561 ที่นครซิดนีย์ ปีนี้ถึงคราวนครเมลเบิร์นได้จัดงานใหญ่บ้าง  

เมลเบิร์นเป็นเมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย รู้จักกันดีในฐานะเมืองหลวงกีฬาและวัฒนธรรมของออสเตรเลีย กีฬาใหญ่ระดับโลกที่มาจัดในเมลเบิร์น อาทิ การแข่งรถฟอร์มูลาวันและเทนนิสออสเตรเลียนโอเพน  ทั้งยังโด่งดังเรื่องตรอกซอกซอยถนนหนทางเต็มไปด้วยศิลปะที่เรียกว่า สตรีตอาร์ต ชวนตื่นตาตื่นใจท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างไม่น่าเชื่อ กว่า 140 วัฒนธรรมทั่วโลกมารวมกันอยู่ที่นี่ 

ในมุมความสัมพันธ์กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีประชากรกว่า 630 ล้านคนและคาดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นอันดับสี่ของโลกภายในปี 2573 รัฐวิกตอเรียจึงให้ความสำคัญมาก เห็นได้จากในปีงบประมาณ 2565-2566 การส่งออกสินค้าจากรัฐวิกเตอเรียไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เติบโต 49% (2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561-2562 ซึ่งเป็นปีก่อนโควิดระบาด

 

สินค้าโดดเด่นของรัฐวิกตอเรีย ได้แก่ ข้าวสาลี ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม, นม ครีม เวย์ และโยเกิร์ต หลักๆ คือส่งออกไปอินโดนีเซีย, เนื้อสัตว์ไม่รวมเนื้อวัว ส่งออกไปมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนเนื้อวัวส่งไปอินโดนีเซียเป็นหลัก สินค้านำเข้าหลักจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ปิโตรเลียมกลั่น น้ำมันดิบ และยานพาหนะ 

ที่น่าสนใจคือระหว่างปี 2561-2566 การลงทุนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาในรัฐวิกตอเรียเป็นมูลค่าถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในภาคส่วนสำคัญ เช่น อสังหาริมทรัพย์ สื่อสารและโทรคมนาคม ช่วยสร้างงานได้ถึง 3,575 อัตรา 

ความสำคัญของรัฐวิกตอเรียพิจารณาได้จากมีพื้นที่ 3% ของประเทศออสเตรเลีย เศรษฐกิจคิดเป็น 25% ของประเทศ ประชากร 6.5 ล้านคน มีสำนักงานการค้าการลงทุนทั่วโลก 23 แห่ง อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4 แห่งที่อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ส่วนเมลเบิร์นติดอันดับ 1 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก 7 ครั้ง เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนนักศึกษาในออสเตรเลีย และเป็นอันดับ 4 ของโลก มหาวิทยาลัยติดอันดับ 1 ของประเทศ และเป็นเมืองอันดับ 1 ด้านศิลปะ กีฬาและวัฒนธรรม 

ความผูกพันอีกประการหนึ่งคือ ชาวรัฐวิกตอเรียที่ถือกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวน 323,631 คน จำนวนนักเรียนนักศึกษาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ลงทะเบียนเรียนในเมืองเมลเบิร์นในปี 2565 มีจำนวนหลายหมื่นคน อันดับหนึ่งคือเวียดนาม 10,339 คน รองลงมาคือ มาเลเซีย 8,64 คน ตามด้วยไทย 8,507 คน 

การเป็นเจ้าภาพผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลียสมัยพิเศษรอบนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะเปิดเมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย รวมถึงออสเตรเลียในภาพรวมของประเทศ สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในนามอาเซียนให้รู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น และเวทีนี้จะกำหนดวิสัยทัศน์ความร่วมมือต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นความเป็นพันธมิตรระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียจะยืนยาวถึง 100 ปี  นับเป็นเรื่องที่ต้องจับตา!