สงครามดึงลูกค้าสตรีมมิงกำลังจบ? Netflix จ่อยกเลิกเผย ‘ยอดสมาชิกรายไตรมาส’
"เน็ตฟลิกซ์" เตรียมยกเลิกรายงานจำนวนผู้ใช้งานหรือยอดสมาชิกในแต่ละไตรมาส หรือปีแห่งสงครามดึงดูดยอดสมาชิกกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว? ด้านนักวิเคราะห์โอด คาดการณ์ธุรกิจได้ยากลำบาก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เน็ตฟลิกซ์เตรียมยกเลิกเปิดเผยจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในแต่ละไตรมาส โดยจะเริ่มไตรมาสแรกของปี 2568 และจะประกาศแค่เป้าหมายสำคัญ ๆ ที่บริษัทบรรลุผลสำเร็จแทน
บรรดาผู้บริหารเน็ตฟลิกซ์ได้ขอให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับรายได้ และกำไรจากการดำเนินงาน เป็นตัวประเมินความก้าวหน้าของบริษัทมากกว่าจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น
“เกรก ปีเตอร์ส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม เผยผ่านวิดีโอหลังเปิดเผยรายได้ว่า
“การเปลี่ยนแปลงนี้ ขับเคลื่อนมาจากความต้องการให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรามองว่าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญต่อธุรกิจที่สุด”
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจยุติรายงานจำนวนสมาชิกรายไตรมาส อาจทำให้การจัดอันดับของนักลงทุน และการวิเคราะห์โมเดลธุรกิจในอนาคตของนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทเจอร์นัลทำได้ยาก และนักวิเคราะห์ยังไม่แน่ใจว่า นโยบายใดจะช่วยกระตุ้นการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น หลังเน็ตฟลิกซ์ปราบปรามการใช้รหัสผ่านร่วม
ธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ เมตา (Meta), เฟซบุ๊ก (Facebook) และแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ได้ยุติรายงานตัวเลขที่คล้ายกันเช่นกัน อาทิ ยอดผู้ใช้งานรายเดือน เนื่องจากยอดผู้ใช้งานเติบโตลดลง
ทั้งนี้ แผนโฆษณาสนับสนุนในสตรีมมิงของเน็ตฟลิกซ์ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ 9.3 ล้านราย ซึ่งมากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จาก LSEG เกือบ 2 เท่า จึงทำให้เน็ตฟลิกซ์มีผู้ใช้งานทั้งสิ้น 269.6 ล้านคน ณ สิ้นเดือน มี.ค.
ขณะที่รายได้ต่อหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. อยู่ที่ 5.28 ดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 4.52 ดอลลาร์
ส่วนรายได้รวมพุ่ง 14.85% สู่ระดับเกือบ 9,400 ล้านดอลลาร์ เมื่อเน็ตฟลิกซ์เปิดฉายซีรีส์ไซไฟอย่าง “3 Body Problem” และซีรีส์ Griselda ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เน็ตฟลิกซ์คาดว่า ไตรมาสปัจจุบันอาจมีรายได้ 9,490 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 9,537 ล้านดอลลาร์
ในจดหมายถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เน็ตฟลิกซ์ระบุว่า บริษัทจะขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการทำงานเพื่อพัฒนาความบันเทิงให้มีความหลากหลายและมีคุณภาพ และขยายธุรกิจโฆษณาต่อไป
อ้างอิง: Reuters