มาเลเซีย ถูกประณามหนัก ไฟเขียวบริษัทผลิตอาวุธตะวันตกร่วมนิทรรศการ
รัฐบาลมาเลเซียถูกประณามอย่างรุนแรง หลังจัดนิทรรศการแสดงอาวุธ โดยยินยอมให้บริษัทที่ขายอาวุธให้อิสราเอลทำสงครามในกาซาเข้าร่วมงานด้วย
รัฐบาลมาเลเซียถูกกล่าวหาว่าหน้าซื่อ ใจคด ขณะจัดงานนิทรรศการ เนชันแนล ซีเคียวริตี้ เอเชีย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่มีบริษัทมากกว่า 1,300 แห่ง จาก 60 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งในจำนวนนี้มีบริษัทที่ถูกระบุว่า ขายอาวุธให้อิสราเอลใช้ทำสงครามในกาซาด้วย
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียย้ำเสมอว่าให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อ ปาเลสไตน์ และประณามปฏิบัติการของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ว่าเป็นความป่าเถื่อนขั้นสุด แต่กลับมีบริษัทของตะวันตก รวมทั้งล็อกฮีด มาร์ติน ของสหรัฐ และบีเออี ซิสเต็มส์ ของอังกฤษ ที่ค้าอาวุธกับอิสราเอลร่วมงานด้วย
ผู้ประท้วงที่อยู่ด้านนอกสถานที่จัดนิทรรศการ เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลยอมให้บริษัททั้งสองเข้าร่วมและสนับสนุนนิทรรศการ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบินขับไล่ F-35 ของล็อกฮีด มาร์ติน และยุทโธปกรณ์ที่บีเออี จัดหาให้อิสราเอลใช้ในการโจมตีชาวปาเลสไตน์ และตำหนิรัฐบาลว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าสนับสนุนปาเลสไตน์ แต่ขณะเดียวกันก็มีส่วนสร้างผลกำไรให้กับบริษัทเหล่านี้
ที่ผ่านมา QSR Brands ซึ่งดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ KFC และ Pizza Hut ในมาเลเซีย สั่งปิดร้านสาขาต่างๆ ของ KFC เป็นการชั่วคราว โดยให้เหตุผลด้านความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจที่ทางร้านกำลังเผชิญ ทำให้ต้องปิดสาขาต่างๆ ชั่วคราว เพื่อบริหารจัดการต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และจะมุ่งเน้นการตลาดไปยังสาขาในเขตการค้าที่มียอดขายสูงแทน
แม้บริษัทไม่ได้ระบุจำนวนสาขาที่ได้รับผลกระทบ แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มี KFC กว่า 100 สาขาแล้วที่ถูกปิดชั่วคราว โดย QSR Brands ระบุว่า พนักงานจากสาขาที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับข้อเสนอให้โยกย้ายไปประจำในสาขาที่มีลูกค้ามากกว่าแทนสาขาเดิม
ขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ของมาเลเซียเป็นชาวมุสลิม ซึ่งสนับสนุนชาวปาเลสไตน์อย่างแข็งขัน และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของอิสราเอลและชาติพันธมิตร ทำให้เกิดการรณรงค์ต่อต้านการอุดหนุนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของตะวันตกบางแบรนด์ในประเทศ การปิดตัวลงของ KFC หลายสาขาจึงถูกมองว่าเกิดจากการคว่ำบาตรธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีความเชื่อมโยงไปยังอิสราเอล