จับตาภาษีอีวีจีน 100% ลาม 'ยุโรป' หวั่นอียูตั้งกำแพงภาษีสกัดรถจีนตามสหรัฐ
ชาติสมาชิกอียูเริ่มส่งเสียงกังวล หวั่นยุโรปเดินตามรอยสหรัฐที่ขึ้นภาษีรถอีวีจีน 100% สกัดการไหลทะลักของรถจีนราคาถูก ขณะที่อียูกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนเรื่องจีนทุ่มตลาดรถอีวี คาดได้ข้อสรุปภายในเดือน มิ.ย. นี้
สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนหลายรายการของสหรัฐเมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) คิดเป็นมูลค่าถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.6 แสนล้านบาท) นำโดยกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ถูกขึ้นภาษีเป็น 4 เท่าไปทะลุระดับ 100% นั้น อาจส่งผลกระทบไปถึง "สหภาพยุโรป" (อียู) ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาหามาตรการรับมือการล้นทะลักของรถอีวีราคาถูกจากจีนด้วย
ทั้งนี้ อียูเริ่มกระบวนการสืบสวนการอุดหนุนรถไฟฟ้าจีนมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 เพื่อหาความจริงว่า รถอีวีจีนได้รับการอุดหนุนจนมีราคาถูกและเข้ามาแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งการสืบสวนนี้อาจนำไปสู่การออกมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้การอุดหนุนรถไฟฟ้าของจีน
รายงานระบุว่า การสืบสวนดังกล่าวคาดว่าจะทราบผลภายในเส้นตายวันที่ 5 มิ.ย.นี้ และเป็นที่คาดว่าอียูจะได้ข้อสรุปในเชิงที่ยืนยันได้ถึงการอุดหนุนและบิดเบือนตลาดรถยุโรปของรถอีวีจีน เพียงแต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีทิศทางที่แน่ชัดว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างไร
เร็ม คอร์เตเว็ก ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ของสถาบันคลังสมองคลิงเกนเดล ในเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีรถอีวีจีนกว่า 100% อาจเป็นแรงกดดันให้อียูต้องทำตาม และอาจเป็นบรรทัดฐานของการกำหนดอัตราภาษีอากรตอบโต้การทุ่มตลาดให้อียูด้วย
ขณะที่บริษัทวิจัยโรเดียม กรุ๊ป เปิดเผยผลการศึกษาเมื่อเดือนที่แล้วว่า อียูอาจต้องกำหนดภอัตราภาษีที่ประมาณ 50% จึงจะสามารถสกัดการทะลักของรถอีวีจีนในตลาดยุโรปอย่างได้ผล ขณะที่ปัจจุบัน อัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดโดยเฉลี่ยของยุโรปอยู่ที่ประมาณ 19%
อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกอียูบางรายเริ่มแสดงความกังวลและไม่เห็นด้วยหากต้องดำเนินการตามแนวทางเดียวกันกับสหรัฐ หรือตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจีนในภาพรวม
นายกรัฐมนตรีอูลฟ์ คริสเตอร์สัน ของสวีเดน กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมที่เดนมาร์กในสัปดาห์นี้ว่า การใช้มาตรการกำแพงภาษีนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีในการแก้ปัญหาเหมารวมให้กับประเทศผู้ส่งออกและนำเข้า
ขณะที่นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า รถยนต์อย่างน้อย 50% ที่นำเข้าจากจีนมายังยุโรปในปัจจุบันนี้ เป็นรถจากแบรนด์สัญชาติตะวันตกเองที่เข้าไปผลิตในประเทศจีน