โกยเงินเข้าประเทศ ด้วย ‘ซีรีส์วาย’ | กันต์ เอี่ยมอินทรา

“มิถุนายน” เป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจ หรือ Pride month ของผู้ที่มีและสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ

มีงานเฉลิมฉลองในรูปแบบของกิจกรรมต่างๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การเดินขบวนพาเหรด ซึ่งก็เป็นผลดีในทางเศรษฐกิจเพราะถือเป็นแม่เหล็กชั้นดีในการดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ ในช่วงฤดูฝนของไทยที่ถือเป็นโลว์ซีซันในการท่องเที่ยว

และในอีกไม่นาน ไทยก็จะเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีกฎหมายที่ก้าวหน้าที่รับรองสิทธิความเท่าเทียมของกลุ่มคนเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะเราก็มีความพยายามผลักดันกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และในที่สุด ผลแห่งความอุตสาหะพยายามก็จะเกิดดอกผลในเร็ววันนี้

เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่า ประเทศไทยของเราได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะกับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่น้อยคนจะรู้ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ไทยของเรานั้นดังมากๆ ในสายตาของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะในแถบเอเชียก็คือ ละครหรือภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความรักของคนกลุ่มนี้ ที่มักมีตัวหลักเป็นพระเอก 2 คน หรือที่เรียกกันในอุตสาหกรรมว่า Boys Love Story หรือ BL

คนไทยเราอาจจะไม่คุ้นกับคำว่า BL เพราะเราเรียกหนังหรือซีรีส์เหล่านี้ว่า ซีรีส์วาย ซึ่งภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีนี้ได้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และกลุ่มผู้ชมหลักๆ นั้น ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่เป็นกลุ่มคนทั่วไป และแม้กระทั่งกลุ่มผู้ชมที่อยู่ในต่างประเทศโดยเฉพาะในแถบเอเชีย เช่น จีน เป็นต้น

หากย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว หนังเรื่องรักแห่งสยาม ได้ถือเป็นหนังโรงเรื่องแรกๆ ที่ส่งผลให้ปัจจุบัน ดาราของเรื่องอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ โด่งดังตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน เคสของมาริโอ้ ที่มีชื่อเสียงขึ้นจากเรื่องรักแห่งสยามนี้เป็นตัวชี้วัดว่าสังคมเริ่มยอมรับต่อความรัก ความแตกต่าง จากขนบเดิมและส่งผลให้ชื่อเสียง การยอมรับ ซึ่งก็คือการจ้างงานและเงิน นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่กระตุ้นให้อุตสาหกรรมไทยผลิต BL และดาราเพิ่มขึ้นอีกมากมายในยุคนี้

มีงานวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ศึกษาในประเด็นนี้ โดยมุ่งโฟกัสกลุ่มผู้ชนคนจีนนอกประเทศไทย พบว่า ความสำเร็จของ BL ที่ทำในไทยนั้นเกิดจาก 1. โครงเรื่องที่น่าสนใจและความเกี่ยวข้องเข้าถึงได้ของคนจีน 2. สถานที่ของเรื่อง และ 3. การถ่ายทำ มู้ด และโทนสี

“แปลรักฉันด้วยใจเธอ” หรือ “I Told Sunset About You” หนังจากค่าย GTH ที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของเด็กไทยเชื้อสายจีน 2 คนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถือเป็นอีกหนึ่งเคสที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ดารานำของเรื่องทั้งสองอย่าง “บิวกิ้น” และ “พีพี” โด่งดังทั้งในและนอกประเทศแล้ว แต่เนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ต ก็ทำให้จังหวัดที่ดังอยู่แล้วนี้ ขึ้นแท่นเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่กลุ่ม LGBT อยากจะมาเที่ยว

หากคุณเดินทางหรือมีเพื่อนต่างประเทศเยอะๆ ก็จะทราบว่า BL ของไทยนั้นถือว่าโด่งดังมากๆ และอยู่ในกระแสการจับจ้องเฉพาะกลุ่มอย่างมาก ถือเป็น Soft power ของประเทศ และนี่ก็เป็น sweet spot หรือจุดที่เราทำได้ดีอยู่แล้ว และยังสามารถทำเงินสร้างประโยชน์จากกระแสนี้ได้อย่างดี เพราะปัจจัยแห่งความสำเร็จนั้นก็ไม่ยากเลย แค่มีเรื่องราวที่ดีที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ ฉาก ทำเลที่ตั้งที่สวยงาม และการถ่ายทำที่มีคุณภาพ

นี่เป็นอุตสาหกรรมที่เราสามารถจะโฟกัสให้มากขึ้น และเข้ากับกระแสโลก โดยพ่วงขายธรรมชาติ วัฒนธรรม และเรื่องราวที่น่าสนใจของไทย ส่งออกสู่ตลาดโลก แบบที่เกาหลีใต้ทำ โดยเราไม่จำเป็นต้องเก่งด้าน CG เลย เพราะเราไม่ได้แข่งทำหนังซอมบี้ หรือหนังแนวไซไฟ แต่เราเน้นขายเรื่องราวและภาพที่สวยงามของประเทศเรา ซึ่งถ้าทำให้เต็มที่จนกลายเป็นที่หนึ่งแล้ว ก็จะนำเงินเข้าประเทศอย่างมหาศาลในที่สุด