‘มูลค่าตลาดหุ้นอินเดีย’ พุ่งทะลุ 5 ล้านล้านดอลล์ครั้งแรก! หลังชัยชนะโมดี

‘มูลค่าตลาดหุ้นอินเดีย’ พุ่งทะลุ 5 ล้านล้านดอลล์ครั้งแรก! หลังชัยชนะโมดี

“มูลค่าตลาดอินเดีย” พุ่งทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจอินเดียที่ดูสดใส ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีซึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจเดิมที่ทำอยู่

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “มูลค่าตลาดหุ้นของอินเดีย” พุ่งทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงหนุนล่าสุดจากการที่รัฐบาลผสมชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ให้คำมั่นสัญญาว่า จะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจเดิมที่ทำอยู่

ทั้งนี้ อินเดียใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการเพิ่มมูลค่าอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับมูลค่าตลาดรวมของประเทศ โดยตลาดหุ้นอินเดียได้ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่พรรคภารติยะชนตะ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้รับการสนับสนุนเพียงพอจากพันธมิตรหลัก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรีโมดีสามารถกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน

ชัยชนะครั้งนี้ พร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตของอินเดียโดย S&P Global Ratings กำลังส่งผลให้อินเดียมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

“การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่รัฐมนตรีสำคัญส่วนใหญ่ยังคงดำรงตำแหน่งเดิม ยืนยันถึงความต่อเนื่องของนโยบาย โดยอินเดียยังคงเป็นตลาดที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างโดดเด่น และคาดว่าการเติบโตของรายได้จะยังคงต่อเนื่อง และช่วยผลักดันมูลค่าหุ้นให้สูงขึ้น” ซูนิล เกาล์ นักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs กล่าว

"มีเงินจากกองทุนต่างประเทศมากพอสมควรที่รอคอยให้ถูกลงทุนในอินเดีย" เชตัน เซท นักกลยุทธ์ที่ Nomura Holdings ออกความเห็น

ลักษณะเด่นของการเติบโตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือ การที่ชาวอินเดียหนุ่มสาวหลายล้านคนหันมาลงทุนในหุ้น กองทุนภายในประเทศซึ่งรวมถึงธนาคารและบริษัทประกัน โดยได้ซื้อหุ้นเป็นมูลค่ากว่า 26,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไปราว 3,400 ล้านดอลลาร์ 

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้น NSE Nifty 50 ของอินเดียปิดที่ระดับสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ และเป็นปีที่กวาดกำไรต่อเนื่องอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเป็นปีที่ 9 อีกทั้งราคาหุ้นบริษัทขนาดเล็กและกลางก็พุ่งสูงเช่นกัน โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด และทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทขนาดใหญ่ในช่วงปีที่ผ่านมา 

อ้างอิง: bloomberg