พร้อมรับมือจีน! ไต้หวันเตรียมซ้อมรบ‘เหมือนมาก' ราวทำสงครามจริง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงไต้หวันเผย การซ้อมรบประจำปีในปีนี้เหมือนการรบจริง ไม่ใช่แค่โชว์ เพราะ “ภัยคุกคามอริราชศัตรู” จากจีนเพิ่มขึ้นทุกขณะ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน การซ้อมรบประจำปี “ฮั่นกวง” ของ ไต้หวัน ระยะเวลาห้าวันจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 22 ก.ค. เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมไต้หวันรายหนึ่งเผยว่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องซ้อมรบด้วยแนวทางใหม่
“ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภัยคุกคามอริราชศัตรูเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แผนต่อสู้ป้องกันตัวของเราก็ต้องได้รับการทบทวนด้วย และความจำเป็นในการฝึกสู้รบยิ่งสำคัญมากขึ้นทุกขณะ” องค์ประกอบส่วนใหญ่ที่ทำเพื่อโชว์ เช่น ซ้อมสู้รบ ถูกยกเลิกไป ขณะเดียวกันปีนี้หันมาฝึกตอนกลางคืน และฝึกในไทเปซึ่งไม่เคยทำมาก่อนด้วย
“มันไม่ใช่แค่เรื่องของความได้เปรียบ แต่เราอยากให้ทหารสงสัยว่านี่ของจริงหรือเปล่า อาจเกิดความผิดพลาดขึ้น เช่น ยานพาหนะใช้การไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในการสู้รบจริง” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวและว่า การซ้อมรบจะเป็นประสบการณ์ที่ต่อเนื่อง “สงครามไม่แยกกลางวันกลางคืน”
ด้านกระทรวงกลาโหมจีนไม่ได้ให้ความเห็นที่รอยเตอร์สโทรไปสอบถาม เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ก่อนหน้านี้กระทรวงเคยกล่าวว่า เป็นการไร้ประโยชน์หากไต้หวันคิดว่าตนเองสามารถใช้อาวุธป้องกัน “การรวมชาติ” ได้
ก่อนหน้านี้ตอนประกาศข่าวเมื่อเดือน เม.ย. กระทรวงกลาโหมไต้หวันกล่าวว่า การซ้อมรบจะทำ “เขตสังหาร” ทางทะเล เพื่อฝึกทะลายเขตปิดล้อม และจำลองฉากทัศน์ที่จู่ๆ จีนก็เปลี่ยนการซ้อมรบปกติรอบเกาะไต้หวันเป็นการโจมตีจริง
ที่ต้องทำเช่นนี้เจ้าหน้าที่กลาโหมคนเดิมอธิบายว่า มีเพียงการทดสอบภาคพื้นดินแบบเรียลไทม์เท่านั้น “ที่จะทำให้เราเข้าใจขีดความสามารถและข้อจำกัดของกองทัพได้อย่างแท้จริง”
เดือนก่อนจีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันสองวัน ไม่นานหลังจาก ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ สาบานตนรับตำแหน่ง โดยกล่าวว่าเป็นการ “ลงโทษ” สุนทรพจน์รับตำแหน่งของเขา ที่รัฐบาลปักกิ่งประณามว่า เต็มไปด้วยเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน
ไม่เพียงเท่านั้นจีนยังใช้กลยุทธ์ “พื้นที่สีเทา” กับไต้หวัน หรือสร้างความตึงเครียดในระดับต่ำกว่าสงครามทำให้ศัตรูหมดแรง ด้วยการทำให้ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรบจริง ซึ่งรวมถึงการปล่อยบอลลูนเหนือเกาะไต้หวัน และส่งเครื่องบินรบมาป้วนเปี้ยนแทบทุกวัน
จีนไม่เคยละทิ้งแนวคิดใช้กำลังรวมไต้หวันเข้ามาอยู่ในอำนาจ แม้ประธานาธิบดีไล่ ที่กล่าวว่า มีเพียงชาวไต้หวันเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินอนาคตของตนเอง พยายามเสนอเจรจากับจีนเสมอแต่ถูกเมิน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไต้หวันผู้ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ส ไม่ได้บอกว่าประธานาธิบดีไล่จะเข้าร่วมในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดในส่วนใด หรือสหรัฐจะมาสังเกตการณ์หรือไม่