ประสานเสียงสับ 'มาครง' หลังเตือนระวังสงครามกลางเมืองฝรั่งเศส

ประสานเสียงสับ 'มาครง' หลังเตือนระวังสงครามกลางเมืองฝรั่งเศส

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสถูกวิจารณ์อย่างหนัก หลังเตือนว่า ถ้าพรรคขวาจัดหรือซ้ายจัดชนะเลือกตั้งอาจก่อให้เกิด“สงครามกลางเมือง” ฝ่ายตรงข้ามวอนอย่าเขย่าขวัญประชาชน

ฝรั่งเศสกำลังจะมีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ท่ามกลางบรรยากาศแตกแยกสุดๆ ในรอบหลายสิบปี มาครง ยุบสภา หลังพรรคขวาจัดอาร์เอ็น(National Rally) คว้าชัยสภายุโรปเมื่อหลายวันก่อน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการประชันกันระหว่างพรรคขวาจัดอาร์เอ็น และพรรคร่วมฝ่ายซ้ายแนวหน้าประชาชนใหม่ (New Popular Front) นำโดยพรรคฝรั่งเศสไม่ก้มหัว (France Unbowed) ซึ่งเมื่อวันจันทร์ (24 มิ.ย.) มาครง ได้เตือนว่า การนำเสนอสองแนวคิด “สุดขั้ว” อาจจุดประกาย “สงครามกลางเมือง” โดยกล่าวหาว่าทั้งพรรคอาร์เอ็นและฝรั่งเศสไม่ก้มหัวเพาะเชื้อความตึงเครียดและสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน

ความเห็นดังกล่าวทำให้ผู้นำทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างรุมประณาม

นายเอริก ซิออตติ ผู้นำพรรคอนุรักษนิยม “รีพับลิกัน” (แอลอาร์) ผู้สร้างความขุ่นเคืองในหมู่พันธมิตรด้วยการไปทำข้อตกลงส่วนตัวกับพรรคอาร์เอ็น กล่าวหาประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่ากระทำการอย่างไม่รับผิดชอบ

“นี่คือกลยุทธ์สร้างความหวาดกลัว” นายซิออตติกล่าว

ด้านนางมารีน เลอ แปง ขาใหญ่จากพรรคอาร์เอ็นกล่าวว่า ข้อโต้แย้งของมาครงนั้น “ฟังไม่ขึ้น” แสดงให้เห็นความคิดที่ว่า "เขาแพ้เลือกตั้ง”

นายแพทริก แคนเนอร์ หัวหน้าพรรคโซเชียลลิสต์ในวุฒิสภา กล่าวว่า ความเห็นของนายมาครงแสดงให้เห็นว่าเขากำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง

“เราเจอกับคนที่ควบคุมอะไรไม่ได้อีกต่อไป”

นายฌอง-ลุก เมลองชง หัวหน้าพรรคฝรั่งเศสไม่ก้มหัว ร่วมประสานเสียงเมื่อคืนวันจันทร์

“เขามักก่อเรื่องเสมอ”

ทั้งนี้ พรรคการเมืองสามค่ายทั้งฝ่ายซ้าย ขวาจัด และสายกลาง เตรียมขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ทางโทรทัศน์ในคืนวันอังคาร (25 มิ.ย.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีแกเบรียล อัตตาล จากพรรคสายกลาง “เรเนซองส์” ต้องประชันกับนายจอร์แดน บาร์เดลลา ผู้นำพรรคขวาจัดอาร์เอ็น และนายมานูเอล บอมปาร์ด จากปีกซ้ายแนวหน้าประชาชนใหม่

โพลบางสำนักให้อาร์เอ็นชนะ 35-36% ในการเลือกตั้งรอบแรกวันอาทิตย์ พันธมิตรฝ่ายซ้ายได้ 27-29.5% ขณะที่พรรคสายกลางของมาครงมาที่ 3 ด้วยคะแนน 19.5-22%

หากรอบแรกไม่มีใครได้คะแนนเกิน 50% รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องเลือกตั้งรอบสองในวันที่ 7 ก.ค.