‘Tesla’ เสียความเป็นผู้นำคุณภาพรถอีวี พบรถอีวี ‘ปัญหาเพียบ’ กว่ารถน้ำมัน
Tesla เสียความเป็นผู้นำ ‘คุณภาพรถอีวี’ เมื่อคุณภาพรถ ‘ตกต่ำลง’ เท่ากับผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม พบรายงานปัญหา 266 รายการต่อรถยนต์ 100 คัน ทั้งรถไฟฟ้าล้วนและปลั๊กอินไฮบริดเกิดปัญหารบกวน “มากกว่า” รถเครื่องยนต์สันดาป
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “เทสลา” (Tesla) กำลัง “เสียความเหนือชั้น” ในคุณภาพของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รุ่นใหม่ หลังจากผลการศึกษาคุณภาพรถเบื้องต้นของสหรัฐประจำปี 2567 โดยเจดีพาวเวอร์ (J.D. Power) พบว่า คุณภาพรถอีวีของเทสลา ลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับอีวีของบรรดาค่ายรถยนต์ดั้งเดิมแล้ว
ผลการศึกษา พบว่า คุณภาพของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (BEV) ของ Tesla กับของค่ายรถยนต์ดั้งเดิมนั้น “เท่ากัน” โดยมีรายงานปัญหาอยู่ที่ 266 รายการต่อรถยนต์ 100 คันที่ขายหรือเช่าใหม่
ก่อนหน้านี้ รถเทสลาเคยมีคุณภาพดีกว่ารถอีวีจากผู้ผลิตรถยนต์เจ้าเดิม โดยในปีที่แล้ว Tesla มีปัญหาเพียง 257 รายการต่อรถยนต์ 100 คัน ในขณะที่ปัญหาของรถอีวีจากผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมอยู่ที่ 265 รายการต่อรถยนต์ 100 คัน
การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าปัญหาที่เพิ่มขึ้นของ Tesla เกิดจาก “การตอบรับเชิงลบจากลูกค้า” หลังจากที่บริษัทตัดสินใจเอาปุ่มควบคุมแบบเดิมออกไป เช่น ปุ่มสัญญาณเลี้ยวและก้านปัดน้ำฝน อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ล้วน (BEV) หรือแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ยังเกิดปัญหารบกวน “มากกว่า” รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
"เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า BEV และ PHEV ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยกำลังประสบปัญหาที่ต้องนำรถใหม่เข้าศูนย์บริการในอัตรา “สูงกว่าสามเท่า” ของเจ้าของรถที่ใช้พลังงานแก๊ส" แฟรงค์ แฮนลีย์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านยานยนต์ของ J.D. Power กล่าว
ทั้งนี้ คะแนนเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับรถยนต์ใช้น้ำมัน โดยคะแนนน้อยกว่าแสดงถึงคุณภาพรถยนต์ที่ดีกว่า มีดังนี้
- รถยนต์ BEVs อยู่ที่ 266 ปัญหาต่อรถ 100 คัน
- รถยนต์ไฟฟ้าเทสลา อยู่ที่ 266 ปัญหาต่อรถ 100 คัน
- รถยนต์ PHEV อยู่ที่ 216 ปัญหาต่อรถ 100 คัน
- รถยนต์น้ำมันเบนซินและดีเซล อยู่ที่ 180 ปัญหาต่อรถ 100 คัน
อ้างอิง: cnbc