‘Tesla’ เริ่มฟื้น? หุ้นพุ่ง 10% หลังรายงานยอดส่งมอบรถ Q2 ดีกว่าคาด

‘Tesla’ เริ่มฟื้น? หุ้นพุ่ง 10% หลังรายงานยอดส่งมอบรถ Q2 ดีกว่าคาด

ราคาหุ้น Tesla พุ่งราว 10% หลังยอดส่งมอบรถไตรมาส 2 ปีนี้ อยู่ที่ 443,956 คัน ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 439,000 คัน แต่มีปัจจัยอื่นที่ต้องจับตา เช่น รุ่นรถที่เริ่มเก่า สงครามราคา และภาพลักษณ์แบรนด์ที่เสื่อมถอย

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ราคาหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า “เทสลา” (Tesla) พุ่งขึ้น 10% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 ก.ค.67) หลังจากบริษัทเผยตัวเลขการผลิต และการส่งมอบรถยนต์ประจำไตรมาส 2 เป็นตัวเลข “ดีกว่า” ที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์

จากเดิม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดส่งมอบรถของ Tesla ในไตรมาส 2 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567) อยู่ที่ประมาณ 439,000 คัน

แต่ผลประกอบการจริงที่ออกมาคือ ยอดส่งมอบรถอยู่ที่ 443,956 คัน และมียอดผลิต 410,831 คัน ซึ่งแม้ยอดส่งมอบในไตรมาส 2 นี้ ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับปี 2023 (466,140 คัน) แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2024 ถือว่าเพิ่มขึ้น 14.8% และสูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์เคยประมาณไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 10% ที่ราคา 231.26 ดอลลาร์ในตอนปิดตลาดของวันอังคาร

ก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนเมษายน Tesla เคยรายงานว่า ยอดส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสแรก เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้ลดลง 8.5% เหลือ 386,810 คัน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 

เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา บริษัทได้รายงานว่า รายได้ประจำไตรมาสได้ลดลง 13% เมื่อเทียบเป็นปีต่อปี โดยสาเหตุหลักมาจาก "ราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง"

Tesla ยังชี้แจงอีกว่า ยอดขายที่ชะลอตัวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปิดโรงงานชั่วคราว ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อรับมือกับเหตุการณ์วางเพลิงที่โรงงานของบริษัทในเยอรมนี รวมถึงความล่าช้าในการขนส่ง อันเนื่องมาจากความขัดแย้งในทะเลแดง

นอกจากนี้ ยอดขายที่ลดลงยังสอดคล้องกับปัจจัยอื่นๆ เหล่านี้ด้วย เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ของ Tesla ที่เริ่มเก่า รุ่นรถยนต์หลักของ Tesla ยังคงเป็น Model 3 และ Model Y ที่เปิดตัวมานานแล้ว ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิต EV รายอื่น โดยเฉพาะจากจีน และภาพลักษณ์แบรนด์ที่เสื่อมถอย โดยผลสำรวจล่าสุดชิ้นหนึ่งชี้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก "พฤติกรรม" และ "การแสดงออกทางการเมือง" ของอีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla

โคลิน แลงแกน นักวิเคราะห์ที่ธนาคาร Wells Fargo มองว่า "การเติบโต Tesla ในการส่งมอบรถที่ลดลง เนื่องจากความต้องการรถที่ชะลอตัว และเผชิญสงครามตัดราคาจนทำให้กำไรหดตัว" เขาแนะนำให้ขายหุ้น Tesla ออกไป

อ้างอิง: cnbc

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์