รวมความโป๊ะ ‘ไบเดน’ ในงานประชุมนาโต ยันเดินหน้าต่อ แม้หลายคนส่ายหัว

รวมความโป๊ะ ‘ไบเดน’ ในงานประชุมนาโต ยันเดินหน้าต่อ แม้หลายคนส่ายหัว

รวมความโป๊ะประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในงานประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เรียก “รองประธานาธิบดีแฮร์ริส” ว่า “รองประธานาธิบดีทรัมป์” และเรียก “ประธานาธิบดีเซเลนสกี” ว่า “ประธานาธิบดีปูติน”

ในพิธีเปิดงานประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จัดระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ค.67 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้กล่าวเปิดประชุมอย่างหนักแน่นว่า นาโตแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็น และประกาศให้ความสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนอย่างต่อเนื่อง แต่งานแถลงข่าว และงานประชุมอื่นหลังพิธีเปิด กลับทำให้หลายคนไม่มั่นใจว่า “ไบเดน” จะสามารถชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยที่ 2 ได้หรือไม่

ประธานาธิบดี ไบเดน กล่าวในงานแถลงข่าวประชุมสุดยอดนาโต เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.67) ว่า ตนยืนกรานจะเป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐในศึกเลือกตั้งเดือนพ.ย. นี้

แต่ความพยายามที่จะพิสูจน์ “ความฟิตของไบเดน” ได้สร้างความน่ากังวลมากขึ้นไปอีก เมื่อไบเดนเผลอเรียกประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เป็นประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในงานประชุมนาโต ซึ่งแต่เดิมความสามารถของเขาก็เป็นที่กังขาอยู่แล้ว หลังผลงานการดีเบตกับคู่แข่งอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.67 เป็นดั่ง “หายนะ”

เผลอพูดถึงสี จิ้นผิง

ประธานาธิบดี ไบเดนให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนานเกือบชั่วโมงในช่วงเย็นวันพฤหัสบดี และแต่ละคำถามที่ถาโถมใส่ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเขา และความสามารถในการบริหารบ้านเมือง

“ผมก็แค่จะเดินหน้าต่อไป ...เราได้ทำอะไรที่คืบหน้ามากมาย” ประธานาธิบดีสหรัฐวัย 81 ปี กล่าว และโต้ว่า ไม่มีประธานาธิบดีคนใดที่ประสบความสำเร็จด้านกฎหมายได้มากภายในเวลา 3 ปีครึ่ง ไบเดนยังได้เผยถึงความสำเร็จในการทำหน้าที่ในรัฐสภา และว่าตนมีคุณสมบัติที่ดีที่สุดในการสู้กับทรัมป์

แต่ขณะที่ไบเดนพยายามจะพูดนอกสคริปต์ ก็ได้เผลอพูดถึงความสัมพันธ์ของตนกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ออกมาโดยไม่รู้ตัว

“มีไดเรคไลน์ระหว่างสีกับผม” ไบเดน กล่าว ในขณะที่อธิบายว่า การติดต่อกันอีกครั้งระหว่างสหรัฐกับจีนต้องหยุดชะงักหลังมีเหตุการณ์บอลลูนสอดแนมจีนโผล่ในน่านฟ้าสหรัฐ

ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าคำว่า ไดเรคไลน์ (direct line) ของไบเดนหมายถึงอะไร เนื่องจากยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับการติดต่อสายตรงระหว่างผู้นำจีน และสหรัฐ

“ขณะนี้ผมเริ่มติดต่อสี ...และติดต่อเขาโดยตรง มีแนวโน้มที่ฝ่ายจีนจะติดต่อกับผม เพราะพวกเขาไม่มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างไรต่อ”

เรียก “รองประธานาธิบดีแฮร์ริส” ว่า “รองประธานาธิบดีทรัมป์”

การสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการบรรยายครั้งแรกของไบเดน นับตั้งแต่ดีเบตกับทรัมป์ ซึ่งครั้งนั้นเขาดูเซื่องซึม และประสบกับปัญหาการเชื่อมประเด็น

อย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์เมื่อวานนี้แตกต่างไปจากการดีเบต (ที่ประธานาธิบดีสหรัฐมักไม่สามารถพูดจบประโยค) เพราะไบเดนสามารถพูดวนไปวนมากับนักข่าวได้ และมีข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ครั้งเดียวที่เกิดขึ้น คือ ไบเดนเรียก “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐว่า “รองประธานาธิบดีทรัมป์” ซึ่งเป็นประโยคพรรครีพับลิกันรีบนำไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อซ้ำเติมทันที

ไบเดนพูดถึงแฮร์ริสอย่างชื่นชมว่า เขาจะไม่เลือกเธอเป็นรองประธานาธิบดี หากเขาไม่คิดว่าเธอสามารถเป็นประธานาธิบดีได้

“แฮร์ริสสามารถรับมือได้เกือบทุกปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นสุดยอดอัยการ”

เมื่อถามว่าเขาจะพิจารณายกประเทศให้เธอบริหารหรือไม่ ถ้าได้เห็นข้อมูลว่าเธอสามารถเอาชนะทรัมป์ได้

ไบเดนตอบว่า “ไม่นะ เว้นแต่ว่าพวกเขากลับมาบอกว่าไม่มีทางที่คุณจะชนะ ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกแบบนั้น ไม่มีโพลไหนบอกแบบนั้น”

เรียก “ประธานาธิบดีเซเลนสกี” ว่า “ประธานาธิบดีปูติน”

ในช่วงการประชุม Ukraine Compact ที่จัดขึ้นภายในงานประชุมสุดยอดนาโตในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ไบเดนได้แนะนำประธานาธิบดีเซเลนสกี โดยกล่าวว่า

“ตอนนี้ผมอยากส่งช่วงต่อให้กับประธานาธิบดียูเครน ผู้ที่มีความกล้าหาญ พอๆ กับความเด็ดเดี่ยว ท่านสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษ (ขอเชิญ) ประธานาธิบดีปูติน”

ท่ามกลางบรรยากาศที่ผู้คนถึงกับอ้าปากค้าง ไบเดนรีบคว้าไมโครโฟนแล้วแก้ต่างว่าเป็นเพราะ “ผมมัวแต่โฟกัสจะเอาชนะปูติน”

ขณะที่เซเลนสกี ก็รับไม้ต่ออย่างลื่นไหล โดยพูดติดตลกว่า “ผมดีกว่า” 

ไบเดนรีบตอบกลับ “คุณโคตรเจ๋งกว่ามาก”

หลายคนขอไบเดนถอนตัว

ไบเดนยังถูกกดดันให้พิจารณาเกี่ยวกับการลงสมัครชิงประธานาธิบดีอีกครั้ง 

หลายนาทีก่อนการแถลงข่าวช่วงเย็นวันพุธ (10 ก.ค.67) จะเริ่มต้นขึ้น เว็บไซต์ข่าวรัฐสภา “เดอะฮิลล์” (The Hill) รายงานว่า แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต ดำเนินการหลังม่านอย่างดุเดือด เพื่อกดดันไบเดนให้พิจารณาการลงสมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐในการเลือกตั้ง 2567 ขณะที่พรรครีพับลิกันอ้างว่า ฝ่ายบัญญัติกฎหมายของเดโมแครตจำนวนมาก เห็นด้วยกับความพยายามของเพโลซีเช่นกัน

เพโลซีได้เผยกับสื่อ MSNBC เมื่อวันพุธด้วยว่า การตัดสินใจขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี แต่เธอไม่ได้กล่าวสนับสนุนไบเดนอย่างชัดเจน ส่งสัญญาณว่า ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่น่าสงสัยให้ถามถึง

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า “จอร์จ คลูนีย์” ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง และผู้ช่วยระดมทุนรายใหญ่ของพรรคเดโมแครต เขียนลงหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันพุธว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมที่เคยก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวในปี 2563 อีกต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2

 

อ้างอิง: Nikkei Asia

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์