‘มหาเศรษฐีจีน’ หนีไปลงทุนอะไร ในช่วง 'เศรษฐกิจซบเซา'?

‘มหาเศรษฐีจีน’ หนีไปลงทุนอะไร ในช่วง 'เศรษฐกิจซบเซา'?

‘มหาเศรษฐีจีน’ ระวังลงทุนมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจซบเซา หนีหุ้นจีนไปลงทุนหุ้นระยะยาวใน ’สหรัฐ-ญี่ปุ่น’ แต่ยังคงทุนอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ในเซี่ยงไฮ้

KEY

POINTS

  • "มหาเศรษฐีจีน" ผู้ที่มีสินทรัพย์สุทธิอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท  จะเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เป็น 144,897 คนในปี 2571
  • เศรษฐีจีนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น สนใจหุ้น 'ญี่ปุ่น-สหรัฐ' ในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศซบเซา
  • มองหาการลงทุนที่ให้ 'ผลตอบแทนสูง' แต่มี 'ความเสี่ยงต่ำ'

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานอ้างถึงผู้จัดการความมั่งคั่งกล่าวว่า  “มหาเศรษฐีจีน” ซึ่งเป็นนักลงทุนจีนรายใหญ่มีแนวทางการลงทุนที่ "ระมัดระวัง" โดยหันไปลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหา แต่ทว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ของประเทศยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยม

ล่าสุดไนท์แฟรงค์ คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรมหาเศรษฐีจีนซึ่งมีสินทรัพย์สุทธิอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท)จะเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และคาดว่ามหาเศรษฐีจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 144,897 คนในปี 2571 จาก 98,551 คนในปี 2566

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจีนเผชิญกับแรงกดดัน และการเติบโตชะลอตัวเหล่ามหาเศรษฐีจีนนำความมั่งคั่งไปลงทุนที่ใด?

ลงทุนบ้านหรู 'เซี่ยงไฮ้’

เจมส์ แมคโดนัลด์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยจีนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์โลก เซเวิลส์ ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้ โดยระบุว่า ธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์หรูในเซี่ยงไฮ้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูในเซี่ยงไฮ้ กลับมาคึกคักอีกครั้งนั้น มาจากนโยบายผ่อนคลายของรัฐบาลจีนที่มีการปรับเปลี่ยนข้อจำกัดในการซื้ออสังหาริมทรัพย์หลายข้อ ทำให้ผู้ซื้อมีอิสระในการตัดสินใจมากขึ้นส่งผลให้เกิดการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์หรูใหม่ๆ ในทำเลใจกลางเมืองเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ถูกจำกัด

“ในสถานการณ์ปัจจุบัน บ้านหรูในเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสำหรับการรักษาความมั่งคั่งและสภาพคล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีมูลค่าสุทธิสูงมาก” สตีเฟน เปา จากบริษัท เฮเฟิง แฟมิลี่ ออฟฟิศ กล่าว

แซม เซีย หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ CBRE ประเทศจีน ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูในเซี่ยงไฮ้ โดยระบุว่าที่อยู่อาศัยหรูในเซี่ยงไฮ้เป็นที่ต้องการของกลุ่มมหาเศรษฐี และครอบครัวมั่งคั่งชาวจีนเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความต้องการที่มากขึ้น

 เซีย เผยมูลค่าการซื้อขายที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีราคาสูงกว่า 2.75 ล้านดอลลาร์ ต่อยูนิต  เติบโตขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหรูเหล่านี้ยังเป็นคนท้องถิ่นในเซี่ยงไฮ้ถึง 40% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการนี้มาจากภายในประเทศเป็นหลัก

คริสติน ลี หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียแปซิฟิกจากไนท์แฟรงค์ กล่าวว่า โครงการบ้านหรูในเซี่ยงไฮ้ อย่าง The Arbour ในย่านชอปปิงสุดหรูของเซี่ยงไฮ้ ซินเทียนตี้, The Bund Garden ย่านเกรทาวน์ และ Shanghai Arch ในย่านศูนย์กลางธุรกิจลู่เจียซุย ขายหมดทันทีที่เปิดตัว แต่แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูจะคึกคัก แต่ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่สำคัญของเมืองชั้นนำ 

สตีเฟน เปา ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ เฮเฟิง แฟมิลี่ ออฟฟิศมองว่า บ้านหรูในเซี่ยงไฮ้เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสำหรับการรักษาความมั่งคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนร่ำรวย

เมินตลาดหุ้นจีน ลงทุน 'สหรัฐ-ญี่ปุ่น’

เดิมทีมหาเศรษฐีชาวจีนมักจะเน้นการลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่คุ้นเคย และเข้าถึงได้ง่าย 

ทั้งนี้ นิค เซียว ซีอีโอของไฮวินอินเตอร์เนชั่นแนล ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการลงทุนของกลุ่มลูกค้ามหาเศรษฐีชาวจีน พบว่าปัจจุบันเริ่มหันมาสนใจการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น สกุลเงิน เครดิตเอกชน หุ้นเอกชน ตราสารหนี้สหรัฐ และหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว

“นักลงทุนชาวจีนจำนวนมากหันมาสนใจหุ้นสหรัฐ และญี่ปุ่นเนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศเหล่านี้ พวกเขามองว่าเทรนด์การเติบโตเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยั่งยืน และน่าจะดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้”

นอกจากนี้ ตราสารหนี้สหรัฐก็เป็นการลงทุนยอดนิยมอย่างมาก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และหุ้นเอกชนทั่วโลกก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความสนใจ เพราะช่วยกระจายความเสี่ยง และเปิดโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพสูงก่อนที่หุ้นจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

เศรษฐีจีนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้นนั้น สะท้อนให้เห็นได้จากการเติบโตของการลงทุนผ่านโครงการ QDII และ QDLP โดย QDII เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้องค์กรสถาบันการเงินในประเทศจีนสามารถนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ ส่วน QDLP เป็นโครงการที่อนุญาตให้เงินหยวนในประเทศสามารถเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศเพื่อการลงทุนนอกประเทศได้ 

การขยายตัวของโครงการทั้งสองนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนชาวจีนมีความสนใจที่จะกระจายความเสี่ยง และแสวงหาโอกาสการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้นในตลาดโลก

เน้นผลตอบแทนสูง 'ความเสี่ยงต่ำ'

"ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บรรดาเศรษฐีจีนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วไปของนักลงทุนในปัจจุบัน"

เปาอธิบายว่า คนจีนกำลังหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาเงินทุน และมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น เช่น ตราสารหนี้สหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเผชิญความสูญเสียจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และหุ้นภายในประเทศ

“นักลงทุนชาวจีนบางรายกำลังประสบปัญหาในการเลือกกลยุทธ์กองทุนเฮดจ์ฟันด์จำนวนมากในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากขาด “ทักษะ” นิค เซียว ซีอีโอ ไฮวิน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว

นักลงทุนชาวจีนหลายรายยังขาดทักษะในการเลือกกองทุนเฮดจ์ฟันด์ต่างประเทศ ทำให้พวกเขามีความหลากหลายในการลงทุนน้อยกว่านักลงทุนมั่งคั่งในภูมิภาคอื่นๆ ที่มักจะกระจายการลงทุนไปยังกองทุนรวมและพอร์ตการลงทุนแบบผสมมากขึ้น

เซียวชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนชาวจีนมักกระจายเงินลงทุนไปยังธนาคาร และโบรกเกอร์หลายแห่ง ทำให้ขาดภาพรวมในการวัดผลการดำเนินงาน

อ้างอิง CNBC

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์