‘แฮร์ริส’ เตรียมประกาศเลือกรองปธน. 5 ส.ค. ก่อนทัวร์ 'รัฐสวิงสเตต’ สัปดาห์หน้า

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานวานนี้ (30 ก.ค.) ว่า คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี เตรียมขึ้นปราศรัยหาเสียงครั้งแรกร่วมกับแคนดิเดตรองประธานาธิบดีคนใหม่ตั้งแต่วันอังคารที่ 6 ส.ค. โดยจะออกทัวร์ในรัฐสวิงสเตตเป็นเวลา 4 วัน อาทิ รัฐฟิลาเดลเฟีย, รัฐเพนซิลเวเนีย, รัฐมิชิแกน และรัฐแอริโซนา

รัฐแรกที่แฮร์ริสจะเริ่มออกทัวร์หาเสียง คือรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งบ่งบอกว่า “จอช ชาปิโร” ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนียได้ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตรองปธน.อันดับต้น ๆ ของเดโมแครต และบ่งชี้ว่าทีมหาเสียงแฮร์ริสต้องการให้รัฐที่เดโมแครตเคยเอาชนะรีพับลิกันในปี 2563 กลับมาชนะให้ได้อีกครั้ง

ทีมหาเสียงแฮร์ริสระบุ หลังจากนั้นแฮร์ริสและรองปธน.ที่เธอเลือกจะเดินทางไปหาเสียงอีก 6 ที่ รวมทั้งรัฐวิสคอนซิน เมืองดีทรอยต์ในรัฐมิชิแกน และลาสเวกัสในรัฐเนวาดา และย้ำด้วยว่า แฮร์ริสยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกแคนดิเดตรองปธน.

แหล่งข่าวคาดว่า แฮร์ริสจะประกาศเลือกตัวแทนรองปธน.อย่างเร็วที่สุดคือวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ก่อนเริ่มทัวร์หาเสียงในวันถัดไป

รายชื่อตัวเต็งแคนดิเดตรองปธน.ของแฮร์ริส ได้แก่ ชาปิโร, แอนดี เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี, มาร์ก เคลลี วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนา, ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา และพีท บุตติเจจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

การเดิมพันว่าใครจะได้เป็นแคนดิเดตรองปธน.ของแฮร์ริสเป็นที่น่าจับตาอย่างมากตั้งแต่แฮร์ริสได้เป็นตัวแทนเดโมแครต หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศถอนตัว

หากชาปิโรได้รับเลือก การหาเสียงของแฮร์ริสอาจต้องพึ่งพาผู้ว่าการรัฐวัย 51 ปีที่ได้รับความนิยมมาช่วยหาเสียงเพื่อให้ได้รับชัยชนะเลือกตั้งสหรัฐในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งความนิยมของชาปิโรเพิ่มขึ้นหลังเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างดั๊ก มาสทริอาโน จากพรรครีพับลิกัน และขึ้นมาเป็นผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย ที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตต หรือรัฐที่พรรคการเมืองใหญ่มีคะแนนสูสีกัน ด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 56%

ชาปิโรอาจกลายเป็นชาวยิวคนที่สองที่ได้เสนอชื่อเป็นรองปธน.ในประวัติศาตร์สหรัฐ รองจาก “โจ ลีเบอร์แมน” ที่พ่ายแพ้ให้กับ “อัล กอร์”จากการเลือกตั้งในปี 2543

ทั้งนี้ หลายรัฐในสหรัฐที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “สนามรบ” หรือรัฐสวิงสเตต ถือเป็นรัฐชี้ชะตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น รัฐมิชิแกน รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน

อ้างอิง: Reuters