'จีน' อาจมีสัตว์เลี้ยงมากกว่าเด็ก ภายในปี 73 เหตุ 'คนรุ่นใหม่' เลือกหมา แมว แทนมีลูก
โกลด์แมน แซคส์ คาด จำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนอาจมีมากกว่าจำนวนเด็กเล็กเกือบ 2 เท่า ภายในปี 2573 เพราะคนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก และหันไปเลี้ยงสัตว์แทน ขณะที่จำนวนผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ลดลง และอัตราการแต่งงานตกต่ำ
รายงานจากโกลด์แมน แซคส์ เผยว่า จำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนอาจมีมากกว่าจำนวนทารก และเด็กเล็กตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากผู้คนไม่อยากมีลูกมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หญิงวัยเจริญพันธุ์ก็เริ่มลดลง
ผลการศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ว่า การแต่งงานในจีนอาจลดลงสู่ระดับต่ำในรอบ 45 ปี ในปี 2567 ตอกย้ำถึงความท้าทายด้านประชากรศาสตร์ที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญ
นักวิเคราะห์โกลด์แมน แซคส์ นำโดย “วาเลอรี โจว” คาดการณ์ด้วยว่า จำนวนสัตว์เลี้ยงอาจมีมากกว่าจำนวนเด็กที่อายุต่ำกว่า 4 ขวบเกือบ 2 เท่า ภายในทศวรรษ 2023 บ่งชี้ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงประชากรจีน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
รายงานที่เผยแพร่เมื่อเดือนก.ค. ระบุว่า
“เราอาจเห็นโมเมนตัมความเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางแนวโน้มอัตราการเกิดที่น้อยลง และคนรุ่นใหม่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น”
อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงโตต่อเนื่อง
เนื่องจากคนหนุ่มสาวชาวจีนไม่มีลูกจึงตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงเฟื่องฟู ทั้งธุรกิจจำหน่ายอาหาร ของเล่น บริการด้านสุขภาพ และบริการอื่นๆ
ตามข้อมูลจากรายงานการจับตาตลาดสินค้าอุปโภคบริโคภ และสถานะอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงจีน ที่เผยแพร่โดย iiMedia Research ตั้งแต่ปี 2566-2567 ระบุ เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงของจีนอาจเติบโตแตะ 811,400 ล้านหยวน ภายในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ระดับ 592,800 ล้านหยวน และปี 2563 ที่ระดับ 295,300 ล้านหยวน
ในด้านอาหารสัตว์เลี้ยง โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า อุตสาหกรรมอาจเติบโตสู่ระดับ 12,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี โดยอาหารแมวอาจเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวม 10% ต่อปี ขณะที่อาหารสุนัขอาจเติบโตราว 5% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม แม้อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นภาคอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่เติบโตเร็วที่สุดในจีน แต่อัตราการครอบครองสัตว์เลี้ยงยังคงต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น และสหรัฐ โดยในญี่ปุ่นมียอดการครอบครองสัตว์เลี้ยงมากกว่าจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ ถึง 4 เท่า !
สมรสน้อย เด็กเกิดน้อย
ตามข้อมูลจากกระทรวงกิจการพลเรือน เผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มีคู่รักจดทะเบียนสมรส 3.43 ล้านคู่ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อนเกือบ 500,000 คู่ และคาดว่ายอดการแต่งงานอาจลดลงอีกในปีนี้ สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970
ขณะที่เหอ อาฟู นักประชากรศาสตร์อิสระจากกวางตุ้ง คาดว่า ยอดการแต่งงานในช่วงครึ่งปีหลังมักคิดเป็นสัดส่วน 46 - 49% ของยอดการแต่งงานรายปี ดังนั้น ยอดการแต่งงานในปีนี้ของจีน อาจแตะระดับ 6.6 ล้านคู่ น้อยกว่ายอดการแต่งงานในปี 2565 ที่ระดับ 6.84 ล้านคู่ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2522 ที่ระดับ 6.37 ล้านคน
ขณะที่ ในปี 2566 จีนมีเด็กเกิดใหม่เพียง 9.02 ล้านคน ซึ่งถือเป็นอัตราการเกิดต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี 2492 ส่วนจำนวนการสมรสของจีนเคยถึงจุดพีก 13.46 ล้านคู่ในปี 2556 แต่หลังจากนั้นก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเพิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
ด้านโกลด์แมน แซคส์ คาดว่า อัตราการเกิดใหม่ในจีนอาจหดตัวเฉลี่ย 4.2% ต่อปีจนถึงปี 2573 เนื่องจากจำนวนผู้หญิงอายุ 20-35 ปีลดลง และคนรุ่นใหม่เต็มใจที่จะมีบุตรน้อยลงด้วย
ในปี 2566 ประชากรจีนทั้งหมดลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สู่ระดับ 1.4 พันล้านคน ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้า 2.08 ล้านคน
อ้างอิง: South China Morning Post
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์