‘จีน’ เปิดทางรีไฟแนนซ์บ้าน 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หวังลดภาระหนี้ - เพิ่มกำลังซื้อ

‘จีน’ เปิดทางรีไฟแนนซ์บ้าน 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หวังลดภาระหนี้ - เพิ่มกำลังซื้อ

‘จีน’ เตรียมออกมาตรการรีไฟแนนซ์บ้านมูลค่า 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หวังลดภาระค่าใช้จ่าย และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ นักวิเคราะห์คาดลดดอกเบี้ยบ้านได้มากถึง 1%

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณามาตรการใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเตรียมอนุญาตให้เจ้าของบ้านรีไฟแนนซ์ สินเชื่อที่อยู่อาศัยมูลค่ารวมสูงถึง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 185 ล้านบาท แผนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวหลายล้านครอบครัว และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

ตามแหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ ภายใต้มาตรการดังกล่าว เจ้าของบ้านจะสามารถเจรจาเงื่อนไขใหม่กับผู้ให้กู้รายเดิมได้ก่อนเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารมักปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลกที่เจ้าของบ้านจะได้รับอนุญาตให้รีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นได้ มาตรการนี้คาดว่าจะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในภาพรวม ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ว่าข้อพิจารณาล่าสุดนี้จะครอบคลุมถึงสินเชื่อบ้านทุกหลังหรือไม่ หรือจะจำกัดเฉพาะบ้านหลังแรกเท่านั้น  

แผนการใหม่นี้มีเป้าหมายช่วยเหลือเจ้าของบ้านที่กำลังประสบปัญหาจากการกู้จำนอง โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อบ้านไปก่อนหน้านี้ และกำลังเผชิญกับภาระหนี้สินที่สูง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ซื้อบ้านรายใหม่ลดลงอย่างมาก แต่ผู้ที่กู้ไปแล้วกลับไม่ได้รับผลประโยชน์นี้ ทำให้การผ่อนชำระหนี้เป็นเรื่องยากขึ้น

หากแผนนี้ได้รับการอนุมัติ ผู้กู้จำนองที่มีอยู่จะสามารถขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระ และทำให้ผู้กู้มีเงินเหลือใช้มากขึ้น

ชูจิน เฉิน นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจาก Jefferies Financial Group ได้คาดการณ์ว่า แผนการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านในจีน จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยของบ้านที่ผู้คนกู้ไว้แล้วลงได้มากถึง 1% เลยทีเดียว นั่นหมายความว่า เจ้าของบ้านหลายล้านคนจะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 300,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท 

เรย์มอนด์ เฉิง หัวหน้าฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์จีนที่ CGS International Securities ในฮ่องกง ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับมาตรการที่รัฐบาลจีนกำลังพิจารณา โดยกล่าวว่า หากมีการดำเนินการจริง การเคลื่อนไหวนี้จะเป็นสัญญาณชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลกลางในการใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลายประการ ทั้งการสนับสนุนเศรษฐกิจโดยรวม การปกป้องความมั่งคั่งของครัวเรือน และการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 

นอกจากนี้ เฉิงยังชี้ให้เห็นว่าแม้จะไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง แต่มาตรการนี้ก็จะช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์โดยอ้อมอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบองค์รวมของรัฐบาลจีน

ดัชนีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนของ Bloomberg พุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันที่ 30 ส.ค.67                                                                                                                                                                      โดยหุ้นของ Shimao Group Holdings Ltd. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 28% ขณะที่หุ้นของ China Vanke Co. ในฮ่องกงก็พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 17%

นอกจากนี้ ค่าเงินหยวนนอกประเทศจีนยังแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมที่คาดว่าจะช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะถดถอยของตลาดที่อยู่อาศัย และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน 

มาตรการใหม่กดดันแบงก์จีน

แผนการจำนองใหม่กำลังสร้างภาระให้กับธนาคารในประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวล เนื่องจากรัฐบาลจีนกำลังพึ่งพาภาคการธนาคารเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาอยู่ในขณะนี้

ณ สิ้นเดือนมีนาคม ยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้างชำระของจีนมีมูลค่าสูงถึง 38.2 ล้านล้านหยวน ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินจีน ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผยโดยหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารของจีน ณ สิ้นปี 2564 พบว่ากว่า 90% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้างชำระทั้งหมดเป็นสินเชื่อสำหรับการซื้อบ้านหลังแรก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกต่อภาคการเงินและเศรษฐกิจของจีนโดยรวม

เศรษฐกิจจีนน่าห่วง

‘จีน’ เปิดทางรีไฟแนนซ์บ้าน 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หวังลดภาระหนี้ - เพิ่มกำลังซื้อ

ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนทวีความรุนแรงขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากผลประกอบการของบริษัทผู้บริโภคออกมาไม่ดีตามคาด และนักเศรษฐศาสตร์จาก UBS Group AG ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนลง

การปรับลดคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นที่สอดคล้องกันของธนาคารทั่วโลก ที่มองว่าจีนอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ 5% ในปี 2024 ได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ ครั้งล่าสุดที่จีนพลาดเป้าหมายนี้คือในปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่จีนเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่รวดเร็ว

 

 

อ้างอิง Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์