ต่างชาติวิเคราะห์ ‘กาสิโนไทย’ คู่แข่งรายใหญ่สุดของ ‘มาเก๊า-สิงคโปร์’
ต่างชาติวิเคราะห์ โอกาส "กาสิโนไทย" มองบวก กาสิโนไทยจะเป็นคู่แข่งรายใหญ่สุดของมาเก๊า-สิงคโปร์ ภายในสิ้นทศวรรษ 2030 และอาจโตแซงหน้าสิงคโปร์ได้ ทั้งในแง่ของรายได้ และความนิยม
รัฐบาลไทยกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติเข้าประเทศ และกระตุ้นการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ด้วยการออกมาตรการ และนโยบายมากมาย เช่น การยกเว้นวีซ่า แต่ยังมีอีกหนึ่งความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นที่ถกเถียงอย่างมากคือ การสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) หรือ “บ่อนกาสิโนเสรี” เนื่องจากนักวิชาการบางส่วนกังวลว่า “กาสิโน” อาจไม่ได้ช่วยหนุนเศรษฐกิจในระยะยาว
จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....” เมื่อเดือนส.ค. พบคนไทยมากกว่า 50% ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนถูกกฎหมาย และอีก 30% เห็นด้วย และที่เหลือยังตัดสินใจไม่ได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองว่ายังมีข้อกังวล และผลกระทบทางเศรษฐกิจหลายประการ
อย่างไรก็ตาม ในมุมของผู้สังเกตการณ์อุตสาหกรรมกาสิโนต่างชาติ และผู้เชี่ยวชาญ มองว่า กาสิโนอาจสร้างรายได้ให้กับไทยได้มาก หนุนให้กาสิโนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ และประเทศไทยอาจกลายเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของมาเก๊า และสิงคโปร์ภายในสิ้นทศวรรษ 2030
เมื่อเดือนมิ.ย. เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีไทยสั่งให้มีการร่างกฎหมายเพื่อทำให้เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ถูกกฎหมายในไทย ซีเอ็นบีซี ระบุ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว เพิ่มการจ้างงาน และฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และแม้ แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทยแทนที่เศรษฐา แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะยังคงดำเนินการต่อไป
หยิน เชา หยาง นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ อินเวสเมนต์ แบงก์ บอกว่า “สถานการณ์การเมืองไทยไม่แน่นอน แต่ไม่ได้ทำให้แผนการสร้างกาสิโนถูกปัดตก” และผลวิจัยจากเมย์แบงก์ พบว่า หากร่างกฎหมายนี้ผ่าน กาสิโนของไทยอาจสร้างรายได้มากถึง 187,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
กาสิโนดึงดูดนักท่องเที่ยว
เบน ลี หุ้นส่วนผู้จัดการ IGamiX Management and Consulting กล่าวว่า
“ไทยได้เห็นแล้วว่าการสร้างกาสิโนส่งผลอย่างไรต่อสิงคโปร์ และเห็นอำนาจของเงินพนันในมาเก๊า ถ้าไทยทำให้มันถูกกฎหมาย อาจหนุนให้กาสิโนกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว”
ซีเอ็นบีซี ระบุ การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่การท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโตชะลอตัว นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 และแนวโน้มการเติบโตอาจไม่ดีขึ้น จนกว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาท่องเที่ยวได้เต็มที่
ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนราว 28 ล้านคนในปี 2566 ซึ่งยังคงห่างไกลจากยอดนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยเมื่อปี 2562 ที่ระดับ 40 ล้านคน
“ประเทศไทยเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในตลาดท่องเที่ยวของภูมิภาคที่ใคร ๆ ก็กลัว แต่ประเทศยังคงประสบกับปัญหาฟื้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด” ลี กล่าว
แกรี โบเวอร์แมน ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยว และลูกค้า จากบริษัทเช็ก-อิน เอเชีย กล่าวว่า “การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการแข่งขันสูง และหลายประเทศในภูมิภาคพยายามหาวิธีวางให้การท่องเที่ยวเป็นเสาหลักของการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ”
อย่างไรก็ดี โบเวอร์แมน มองว่า เมื่อกาสิโนถูกกฎหมายจะทำให้ไทยมีสถานะที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมาก และภาคส่วนนี้พร้อมขยายตัวได้อีก
ทิศทางกาสิโนไทย
คำถามส่วนใหญ่จากนักสังเกตการณ์อุตสาหกรรมกาสิโนคือ ประเทศไทยจะสร้างกาสิโนในจังหวัดใด
แม้รัฐบาลยังไม่เปิดเผยจังหวัดเป้าหมายอย่างเป็นทางการ แต่นักวิเคราะห์คาดว่า ไทยอาจจะไม่ตั้งกาสิโนใจกลางกรุงเทพมหานคร
“กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว และไม่มีที่ให้พัฒนามากกว่านี้ ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ายังมีที่ดินว่างในกรุงเทพฯ" หยิน จากเมย์แบงก์ กล่าว และว่า กาสิโนอาจสร้างในพื้นที่ ที่มีประชากรน้อย เช่น ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทยอย่างระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อื่นๆ ในไทยที่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา ที่คาดว่าอาจเป็นที่ตั้งของกาสิโนได้เช่นกัน
ด้าน “อัลแลน เซแมน” ประธานกรรมการบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ “หลานไกวฟง กรุ๊ป” เผยกับซีเอ็นบีซีว่า โมเดลกาสิโนไทยไม่เหมือนกับโมเดลของมาเก๊า ซึ่งเป็นเมืองที่มีคลัสเตอร์กาสิโนอยู่รวมกันจำนวนมากเหมือนกับลาสเวกัส และตนไม่เชื่อว่า กาสิโนไทยจะประสบความสำเร็จในอนาคต
เซแมนเตือนว่า
“หลายรัฐบาลชอบสร้างกาสิโนในพื้นที่ด้อยพัฒนา เพราะมองว่าจะช่วยให้เกิดการพัฒนา แต่หากคุณมีกาสิโนเพียงแห่งเดียวในเมืองที่พัฒนาแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกัน”
ขณะที่โบเวอร์แมนจากเช็ก-อิน เอเชีย มองว่า ไทยมีแนวโน้มทำตามโมเดลของสิงคโปร์ โดยการสร้างกาสิโนพร้อมรีสอร์ตที่มีกิจกรรมสันทนาการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่นักพนัน
“ที่มารีนาเบย์แซนด์ มีทั้งบาร์สุดอลังการชั้นบน มีสระว่ายน้ำ โรงแรม พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร คนหนุ่มสาวที่ไม่ได้มาเล่นพนันก็สามารถสนุกไปกับบริการในส่วนนี้ได้”
ซีเอ็นบีซีอ้างอิงรายงานร่างกฎหมายเอนเตอร์แทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ระบุว่า ประชาชนคนไทยที่ต้องการเข้ากาสิโนในประเทศ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 5,000 บาท ส่วนต่างชาติอาจได้เข้าฟรี ซึ่งซีเอ็นบีซีเผยว่า โมเดลนี้มีความคล้ายกับกาสิโนในสิงคโปร์ที่คนท้องถิ่นต้องจ่ายเงินเข้ากาสิโน 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 4,000 บาท)
นอกจากนี้ กาสิโนของไทยยังต้องได้รับใบอนุญาตดำเนินงานอย่างถูกกฎหมายซึ่งรัฐบาลไทยอนุญาตดำเนินธุรกิจนานสุดที่ 30 ปี และมีเงื่อนไขผู้ให้บริการต้องจ่ายเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับเปิดกาสิโนครั้งแรก และจ่ายรายปีอีก 1,000 ล้านบาท
โบเวอร์แมน ย้ำว่า รัฐบาลไทยอาจกำหนดให้ผู้ประกอบการสหรัฐที่ต้องการลงทุนอุตสาหกรรมกาสิโนในไทย ต้องทำงานร่วมกับบริษัทไทยด้วย เพื่อให้บริษัทในท้องถิ่นมีส่วนร่วม และได้ประโยชน์
กาสิโนไทยแซงหน้าสิงคโปร์?
แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของไทยจะเกิดขึ้นจริงไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกาสิโนหลายคนมีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า หากไทยสร้างกาสิโนได้สำเร็จ 5 - 8 แห่งทั่วประเทศ ไทยอาจแซงหน้าตลาดกาสิโนของสิงคโปร์ได้ ในแง่ของความนิยม และรายได้ของกาสิโน แต่กาสิโนของมาเก๊าจะยังคงเป็นแหล่งกาสิโนเบอร์หนึ่งต่อไป
จากรายงานผลประกอบการของผู้ประกอบการแต่ละรายในมาเก๊า แสดงให้เห็นว่า รายได้จากกาสิโนในเมืองนี้มีมูลค่า 114,000 ล้านปาตากามาเก๊า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ขณะที่สองกาสิโนในสิงคโปร์สร้างรายได้ราว 2,530 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน
ลีจาก IGamiX บอกว่า “หากกาสิโนไทยถูกกฎหมาย ไทยจะมีศักยภาพแซงหน้าแหล่งการพนันอื่นๆ ในเอเชียได้แน่นอน ยกเว้น มาเก๊า” และเสริมว่า กาสิโนไทยอาจยกระดับเทียบเท่ากาสิโนมาเก๊าได้ ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี
อ้างอิง: CNBC
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์