จับตาดีเบตประวัติศาสตร์ ‘แฮร์ริส-ทรัมป์’
คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตกับโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน จะประชันวิสัยทัศน์ออกโทรทัศน์ครั้งแรกในวันที่ 10 ก.ย.นี้ กิจกรรมเดิมพันสูงใครชนะก็ได้เปรียบมีโอกาสมากในวันเลือกตั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน สำหรับแฮร์ริสการเผชิญหน้ากันที่เมืองฟิลาเดลเฟียถือเป็นโอกาสให้เธอวางลำดับความสำคัญของนโยบาย และแสดงความสามารถต่อคู่แข่งที่ดูถูกสติปัญญา โจมตีเธอด้วยเรื่องเพศและเชื้อชาติมาโดยตลอด
ส่วนทรัมป์จะใช้โอกาสนี้บดขยี้กระแสแฮร์ริสที่มาแรงมากนับตั้งแต่ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในเดือน ก.ค.
ผลสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่ชี้ว่าแฮร์ริสนำอยู่เล็กน้อยในระดับประเทศและนำเป็นส่วนใหญ่ในรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงพรรคใด (สวิงสเตต) แต่ทรัมป์ยังอยู่ในวิสัยคว้าชัยชนะในวันที่ 5 พ.ย.
การประชันวิสัยทัศน์ (ดีเบต) อาจส่งผลอย่างมากและนี่อาจเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามในปี 2016 ฮิลลารี คลินตัน ถูกมองว่าจะเป็นผู้ชนะหลังดีเบตกับทรัมป์สามครั้ง แต่สุดท้ายแล้วทรัมป์กลับเป็นฝ่ายชนะ ต่อไปนี้คือประเด็นน่าจับตาในการดีเบตครั้งสำคัญนี้
- ผู้สมัครแห่งการเปลี่ยนแปลง
ในการเลือกตั้งที่อดีตประธานาธิบดีเผชิญหน้ากับรองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้สมัครทั้งสองคนฉายภาพตนเองอย่างย้อนแย้งว่าเป็นผู้สร้าง “การเปลี่ยนแปลง” ที่จะทำลายสถานภาพเดิม
แฮร์ริสพยายามอ้างเครดิตความสำเร็จของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยไม่ได้กล่าวถึงความผิดพลาดของนโยบาย ทั้งยังกล่าวว่า การเป็นประธานาธิบดีของเธอจะสร้างการเริ่มต้นใหม่ให้กับประเทศ
ส่วนทรัมป์แม้เคยนั่งในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021 ก็ฉายภาพตัวเองเป็นขบถต่อต้านสถาบันสำคัญในวอชิงตันอีกครั้ง พร้อมเปรียบเทียบประสบการณ์ระดับเวทีโลกที่เหนือกว่าแฮร์ริส ให้คำมั่นว่าตนจะยุติความขัดแย้งในยูเครนและกาซาลงได้ และปกป้องประเทศพ้นจากประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเกาหลีเหนือและอิหร่าน
- โจมตีเรื่องส่วนตัว
นับตั้งแต่แฮร์ริสได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทรัมป์ได้แต่ตั้งคำถามว่าเธอมีเชื้อสายจากไหนกันแน่ และโจมตีเธอด้วยเรื่องส่วนตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะบนเวทีปราศรัยหรือโพสต์โซเชียลมีเดีย แม้ผู้ช่วยและพันธมิตรพร่ำเตือนว่า ให้โฟกัสที่นโยบายของเธอจะดีกว่า
บนเวทีดีเบตหากทรัมป์ทำอย่างนี้อีกล่ะก็อาจทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจ โดยเฉพาะคนที่สงสัยว่าทรัมป์มีความเหมาะสมเป็นประธานาธิบดีหรือไม่ พากันเทคะแนนให้แฮร์ริส
ในการดีเบตกับคลินตันเมื่อปี 2016 ทรัมป์มักใช้อารมณ์กับเธอ ป่วนผู้ดำเนินรายการ ชี้นิ้ว และเรียกชื่อเธอ เขาพยายามใช้กลวิธีเดียวกันนี้กับไบเดนในปี 2020 จนไบเดนต้องบ่นออกมา“จะหุบปากได้ยังเพื่อน?” หลังโดนทรัมป์ป่วนหลายครั้ง
ด้านแฮร์ริสนับถึงขณะนี้ ส่วนใหญ่ไม่สนใจการโจมตีด้วยเรื่องส่วนตัวของทรัมป์ บางคนรอดูว่าแฮร์ริสจะรับมืออย่างไรหากทรัมป์ดูหมิ่นเธอบนเวทีดีเบต เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกับทรัมป์อย่างชัดเจน เธอต้องไม่ตกหลุมของทรัมป์
- โอกาส
การดีเบตครั้งนี้เป็นโอกาสของแฮร์ริสในการสร้างอัตลักษณ์ทางการเมืองให้กับตนเองให้ประจักษ์ต่อสายตาชาวอเมริกันหลายล้านคน เธอไม่โด่งดังเท่ากับตัวแทนพรรคเดโมแครตคนก่อนๆ ผู้ถือเป็นสินทรัพย์สำคัญของพรรคในการเลือกตั้งที่โหวตเตอร์หลายคนเบื่อแล้วกับการรีแมตช์ระหว่างไบเดนกับทรัมป์
ในการดีเบตอดีตอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนียจะมีเวทีโชว์ทักษะการดำเนินคดี ที่เธอจะต้องทำให้ทรัมป์จนมุมกับสิ่งที่เขาทำหลังการเลือกตั้งปี 2020 รวมถึงข้อกล่าวหาว่าเขายุยงผู้สนับสนุนก่อม็อบบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 ในความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่ออยู่ในอำนาจ
ประสบการณ์ในศาลของแฮร์ริสอาจเล่นงานทรัมป์ได้สดๆ มากกว่าไบเดนขณะดีเบตกับทรัมป์เมื่อเดือนมิ.ย.
สำหรับทรัมป์ การประชันวิสัยทัศน์ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะยืนยันว่า แฮร์ริสยังไม่พร้อมเป็นผู้นำประเทศ และเขาคือตัวเลือกที่ดีกว่าในการรับหน้าที่นี้
ทรัมป์มีแนวโน้มโจมตีนโยบายความมั่นคงชายแดนของรัฐบาลไบเดน ที่ไม่อาจหยุดยั้งจำนวนคนเข้าเมืองได้ก่อนกระชับมาตรการเมื่อไม่กี่เดือนก่อน รวมถึงเงินเฟ้อสูงที่ทรัมป์กล่าวว่าทำให้ครอบครัวชนชั้นกลางอยู่ยากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังอาจเชื่อมโยงแฮร์ริสเข้ากับการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานอย่างโกลาหลในปี 2021 ตั้งคำถามว่า ผู้สมัครที่หาเสียงด้วยความ “เบิกบาน” และ “คึกคัก” ได้เตรียมตัวพร้อมเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้วหรือยัง
- ความเสี่ยง
พรรคเดโมแครตพูดมาหลายเดือนแล้วว่า ทรัมป์มีแนวโน้มอำนาจนิยม เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย แฮร์ริสอาจวิจารณ์แนวนี้เช่นกัน และขยี้เขาที่ต่อต้านการทำแท้ง หนึ่งในประเด็นการเมืองเสี่ยงสุดของทรัมป์
แฮร์ริสจะเน้นย้ำถึงบทบาทของทรัมป์ในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงที่ช่วยยกเลิกสิทธิดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ และเตือนว่าสิทธิในการเจริญพันธ์ุของผู้หญิงจะเสื่อมถอยลงไปอีกถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีครั้งที่ 2
ที่ปรึกษาและผู้ช่วยของแฮร์ริสกล่าวว่า เธอเล็งโฟกัสไปที่ความล้มเหลวของทรัมป์เรื่องกำแพงกั้นชายแดน โครงสร้างพื้นฐาน และการระบาดของโควิด-19 และอาจถล่มนโยบายเศรษฐกิจของเขาระหว่างเป็นประธานาธิบดี เมื่อเขาเอาใจบริษัทด้วยการลดภาษี และคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
เธออาจจะเชื่อมโยงเขากับ Project 2025 แผนแม่บทของเฮอริเทจฟาวเดชัน มูลนิธิสายอนุรักษนิยม ที่นักวิจารณ์กล่าวว่า ละเมิดอำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งทรัมป์เองพยายามไม่เกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าว และเธออาจหญิบคดีอาญาจ่ายเงินปิดปากดาราหนังวาบหวิว รวมถึงข้อกล่าวหาข่มขืนของทรัมป์มาพูด
ในเวลาเดียวกันทรัมป์อาจเตือนใจผู้ชมถึงนโยบายเสรีนิยมที่แฮร์ริสหาเสียงช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 ที่ตอนนี้ไม่ทำแล้ว เช่น ยกเลิกประกันสุขภาพส่วนบุคคลและการสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า กรีนนิวดีล
ถ้าอยากชนะใจโหวตเตอร์ที่ยังไม่ตัดสินใจหรือเป็นแฟนคลับพรรคใด แฮร์ริสต้องมีคำตอบที่ชัดเจนในประเด็นที่ว่ามา เธอมักจะกล่าวถึงวิสัยทัศน์อย่างกว้างๆ ซึ่งทรัมป์และผู้ดำเนินการอภิปรายอาจบีบให้เธอต้องลงรายละเอียดมากขึ้น
ฝ่ายหัวก้าวหน้าเองก็อยากจะเห็นว่าแฮร์ริสแตกต่างจากไบเดนหรือไม่ในประเด็นสำคัญ เช่น ความขัดแย้งในกาซา และเธอยินดีจะกดดันรัฐบาลอิสราเอลให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงมากขึ้นหรือไม่