'จีน' เผยยอดขายรถยนต์ ส.ค.ร่วง 5% หดตัว 3 เดือนติด พิษกำลังซื้ออ่อนแอ
'จีน' เผยยอดขายรถยนต์ในจีนรวมส่งออกลดลง 5% ในเดือนสิงหาคม ลดลง 3 เดือนติด สะท้อนกำลังซื้ออ่อนแอ ส่วนรถอีวีเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 66% ของยอดขาย สูงกว่ารถสันดาป
สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรายงานว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ของจีนชะลอตัวต่อเนื่อง จากข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ของจีน รวมถึงการส่งออก ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ในเดือนส.ค. สาเหตุหลักมาจากความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลภายในประเทศที่ลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีนรายงานว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ รวมถึงการส่งออกลดลง 5% ในรอบปี เหลือ 2.45 ล้านคัน ส่วนยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศ ลดลง 9.4% เหลือ 1.74 ล้านคัน
ปัจจุบัน รัฐบาลเสนอเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนซื้อรถใหม่เพื่อทดแทนคันเก่า แต่ผลที่ตามมาของนโยบายนี้คาดว่าจะกระตุ้นตลาดได้ช้ากว่า นโยบายการให้เงินอุดหนุนแบบเดิมที่สนับสนุนการซื้อรถยนต์
ขณะเดียวกัน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) กลับเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สวนทางกับตลาดรถยนต์โดยรวม โดยมีสัดส่วนการขายมากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมด
แบรนด์รถยนต์จีนกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานใหม่อย่างรวดเร็ว ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 10% มาอยู่ที่ 66.9% ในขณะที่ยอดขายรถยนต์พลังงานน้ำมันเบนซินกลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 34.1% เหลือเพียง 795,000 คัน และยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ลดลง 20.9% เหลือ 198,000 คัน โดยตัวเลขที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากการลงทุนที่ซบเซาในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์
“การแข่งขันด้านราคาเริ่มคลี่คลายลง ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อรถยนต์ใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น” ซื่อหัว กล่าว
ยอดขายรถยนต์ใหม่ในจีน รวมถึงการส่งออก เติบโตขึ้น 3% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแตะที่ 18.77 ล้านคัน สิ่งที่น่าสนใจคือ แบรนด์รถยนต์ในประเทศสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล ส่วนแบรนด์ญี่ปุ่นกลับมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงถึง 3% เหลือเพียง 11.5%
อ้างอิง Nikkei
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์