โรงเรียนอเมริกัน  การปิดเสียงโทรศัพท์กลับได้ยินเสียงปืน

โรงเรียนอเมริกัน  การปิดเสียงโทรศัพท์กลับได้ยินเสียงปืน

 โรงเรียนอเมริกันต้อนรับการเปิดภาคแรกของปีการศึกษาใหม่ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมต่อกับเดือนกันยายนปีนี้ ด้วยการปิดเสียงโทรศัพท์ แต่กลับได้ยินเสียงปืน

การสั่งปิดเสียงโทรศัพท์เกิดขึ้นทั่วไปใน ขณะที่เสียงปืนระเบิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 4 กันยายนเมื่อเด็กชายอายุ 14 ปีใช้ปืนกราดยิงนักเรียนและครูในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐจอร์เจียทำให้นักเรียน 2 คนกับครู 2 คนเสียชีวิต  

    จากวันที่เทคโนโลยีใหม่เอื้อให้ชาวอเมริกันนำโทรศัพท์แบบพกพาติดตัวไปใช้อย่างกว้างขวาง ทางโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาในสหรัฐถกเถียงกันว่า จะทำอย่างไรกับการใช้โทรศัพท์ของนักเรียน  ยิ่งเมื่อโทรศัพท์มีศักยภาพสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด การถกเถียงก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น

    ในสหรัฐ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการโดยรัฐบาลท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาลกลาง เสริมด้วยนโยบายในระดับรัฐ  เมื่อนักเรียนเริ่มนำโทรศัพท์แบบพกพาเข้าไปในโรงเรียน และรบกวนกระบวนการเรียนการสอน ครูและผู้บริหารของแต่ละโรงเรียนก็ออกมาตรการควบคุม

 เมื่อนักเรียนและผู้ปกครองต่อต้านมาตรการใหม่และยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ พร้อมกับการพกโทรศัพท์แพร่ขยายออกไปแบบไฟลามทุ่ง รัฐบาลในระดับท้องถิ่นถึงรัฐบาลกลางต่างก็เข้ามาร่วมหาทางออก  

    ในภาวะปกติ นโยบายต่าง ๆ มักวางอยู่บนฐานของการวิจัย  แต่การวิจัยต้องใช้เวลานาน  การออกนโยบายในกรณีการใช้โทรศัพท์แบบพกพาในโรงเรียนในตอนต้นจึงมิได้วางอยู่บนผลของการวิจัยก่อให้เกิดการถกเถียงกันแบบแทบไม่รู้จบ ในขณะที่ศักยภาพของเทคโนโลยีและการพกพาโทรศัพท์ของนักเรียนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด  

อย่างไรก็ดี ณ วันนี้เริ่มมีผลวิจัยทยอยออกมา ทั้งเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้โทรศัพท์โดยทั่วไป และผลกระทบที่มีต่อกระบวนการเรียนการสอนในโรงเรียนโดยเฉพาะ

ในด้านดี โทรศัพท์มีประโยชน์มากเป็นที่ประจักษ์และยอมรับกันโดยทั่วไป  แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีด้านร้าย หรือคำสาปแฝงมาด้วย  โดยทั่วไปโทรศัพท์มักมีผลร้ายต่อจิตใจของเยาวชน ไม่ว่าจะเป็น การเปรียบเทียบสภาวะของตนเองกับผู้อื่น หรือการทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น

 ส่วนในกระบวนการเรียนการสอน มันก่อกวนและเบี่ยงเบนความสนใจ พร้อมกับทำให้นักเรียนขาดสมาธิและใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการได้ประโยชน์จำกัด โดยเฉพาะการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตแบบไม่สร้างสรรค์ รวมทั้งการเข้าร่วงวงในสื่อสังคมแบบแทบเสพติด

    ด้วยข้อสรุปที่ว่าด้านดีอาจมีน้อยกว่าด้านร้ายในช่วงเวลาเรียน ในปีการศึกษาใหม่ โรงเรียนส่วนใหญ่ในสหรัฐจึงควบคุมการใช้โทรศัพท์แบบพกพาในโรงเรียนอย่างเข้มงวดขึ้น แม้มาตรการของแต่ละท้องถิ่นจะยังแตกต่างกันมากก็ตาม เช่น ส่วนหนึ่งห้ามใช้แบบเด็ดขาด แต่จำนวนมากยังให้ใช้ได้ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน หรือระหว่างเปลี่ยนห้องเรียน

    ไม่ว่าทางโรงเรียนจะใช้มาตรการอะไร ฝ่ายผู้ปกครองส่วนหนึ่งซึ่งต่อต้านมักอ้างถึงด้านการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันในยามฉุกเฉิน เช่น เหตุการณ์จำพวกการสังหารนักเรียนและครูในโรงเรียนที่รัฐจอร์เจีย

 จริงอยู่ เหตุฉุกเฉินแนวนี้มิได้มีทุกวัน แต่มันเกิดขึ้นบ่อยมาก  ข้อมูลบ่งว่า ปีนี้เกิดขึ้นแล้ว 27 ครั้ง  เมื่อปีที่ผ่านมาเกิด 38 ครั้ง และเมื่อปี 2565 เกิด 51 ครั้งรวมทั้งในรัฐเท็กซัสซึ่งนักเรียนและครูเสียชีวิตถึง 21 คน  

การสังหารหมู่แบบนั้นเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะชาวอเมริกันเข้าถึงอาวุธร้ายได้สะดวกมากเนื่องจากกลุ่มธุรกิจผลิตและค้าอาวุธมีอิทธิพลเหนือภาคการเมือง ส่งผลให้การควบคุมอาวุธร้ายทำได้ยากมาก

 ชาวอเมริกันจึงพกปืนกึ่งอัตโนมัติและปืนยิงเร็ว คล้ายที่ใช้ในสงครามแทนปืนลูกโม่สมัยเก่า ที่เราเห็นในภาพยนตร์คาวบอยกันอย่างแพร่หลาย

    โรงเรียนอเมริกันเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ  แทนการเปิดกว้างอย่างเสรีทำให้มีความรู้สึกปลอดโปร่ง โรงเรียนมักมีความหวาดระแวงจากการมีเครื่องจับโลหะตรวจนักเรียนและบุคลากร มีปุ่มกดสัญญาณฉุกเฉินทั่วไป มีมุมหลบภัยและมีบุคลากรรักษาความปลอดภัยถืออาวุธปืนให้เห็น  

ยิ่งกว่านั้น รัฐต่าง ๆ ยังมักอนุญาตให้ครูและบุคลากรพกปืนไปโรงเรียนได้อีกด้วย  โรงเรียนอเมริกันในยุคนี้จึงมีสภาพแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโรงเรียนในสมัยที่ยังไม่มีทั้งโทรศัพท์แบบพกพาและอาวุธพกพาง่ายที่ร้ายแรง  สภาพใหม่มองได้ว่าเป็นผลของคำสาปของเทคโนโลยีที่ไปปรากฏในโรงเรียน.