แรงงานท่าเรือสหรัฐ 14 แห่งจ่อหยุดงาน! การค้าหลายพันล้านดอลลาร์หยุดชะงัก

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ได้หยุดชะงักในท่าเรือชายฝั่งตะวันออกและอ่าวของสหรัฐ เนื่องจากสมาชิกของ “สหภาพแรงงาน International Longshoremen's Association” (ILA) ได้หยุดงานตั้งแต่เวลา 12:01 น. ตามเวลาตะวันออกของวันที่ 1 ตุลาคม 

สหภาพ ILA ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ได้ประกาศหยุดงานในท่าเรือสำคัญ 14 แห่ง เนื่องจากการเจรจาต่อรองสัญญากับกลุ่มเจ้าของท่าเรือ United States Maritime Alliance (USMX) ไม่เป็นผลสำเร็จ โดยเมื่อสัญญาเดิมสิ้นสุดลง เหล่าคนงานท่าเรือทั่วประเทศได้หยุดงานเพื่อเรียกร้องค่าจ้างที่สูงขึ้น และคัดค้านการนำระบบอัตโนมัติมาใช้

ทั้งนี้ องค์กร USMX ได้เสนอขึ้นค่าจ้างเกือบ 50% เป็นเวลา 6 ปี เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการหยุดงานของสหภาพแรงงาน ILA ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของ USMX ถูกปฏิเสธโดย ILA

สำหรับท่าเรือ 14 แห่งที่กำลังเตรียมการหยุดงาน ได้แก่ บอสตัน, นิวยอร์ก/นิวเจอร์ซีย์, ฟิลาเดลเฟีย, วิลมิงตัน, นอร์ทแคโรไลนา, บัลติมอร์, นอร์ฟอล์ค, ชาร์ลสตัน, ซาวันนาห์, แจ็กสันวิลล์, แทมปา, ไมอามี, นิวออร์ลีนส์, โมบายล์ และฮูสตัน

ในคำพูดของผู้นำ ILA มีความแข็งกร้าวในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการนัดหยุดงาน โดย แฮโรลด์ ดักเก็ตต์ ประธาน ILA ได้บอกกับสมาชิกทั่วไปที่ลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์เพื่ออนุมัติการนัดหยุดงานว่า “พวกเราจะบดขยี้พวกเขา” ในวิดีโอข้อความล่าสุด

ชานา เรย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของ FourKites บริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานได้กล่าวว่า การหยุดงานครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด เนื่องจากผลกระทบต่อความแออัดของห่วงโซ่อุปทาน จะทำให้ความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮเลนรุนแรงขึ้น

“การหยุดงานหนึ่งหรือสองสัปดาห์จะทำให้เกิดความล่าช้าเล็กน้อย แต่ผลกระทบโดยรวมจะน้อยมากนอกเหนือจากพื้นที่บางแห่งที่พึ่งพาท่าเรืออย่างมาก เช่น เมืองซาวันนาห์” อดัม คามินส์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Moody's Analytics กล่าว “แต่การหยุดงานที่ยาวนานกว่านั้นจะนำไปสู่การขาดแคลนและแรงกดดันด้านราคาที่สูงขึ้น”

นอกจากนี้ การหยุดงานหนึ่งสัปดาห์ อาจทำให้สหรัฐสูญเสียเงิน 3,780 ล้านดอลลาร์ ตามการวิเคราะห์ของ The Conference Board และทำให้ห่วงโซ่อุปทานชะลอตัวจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน 

นูชิน ชัมซิลี ซีอีโอและประธานของ Nuco Logistics ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ยากล่าวว่า “ท่าเรือชายฝั่งตะวันออกเป็นประตูทางเข้าสำหรับยาสามัญที่ผลิตจากอินเดีย ประมาณ 48% ของสารประกอบทางเภสัชกรรมที่ใช้งานในสหรัฐถูกนำเข้าจากอินเดีย หากไม่มีสารประกอบเหล่านี้ ยาจะไม่สามารถผลิตได้” 

ด้านสตีฟ ลามาร์ ซีอีโอของสมาคมเครื่องแต่งกายและรองเท้าอเมริกันกล่าวว่า ท่าเรือเหล่านี้มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมค้าปลีก ในปี 2023 ท่าเรือชายฝั่งตะวันออกและอ่าวมีสัดส่วน 53% ของการนำเข้าเครื่องแต่งกาย รองเท้า และเครื่องประดับทั้งหมดของสหรัฐ มูลค่ารวมกว่า 92,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึง พีท บุตดิเจช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จูลี ซู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรักษาการ และลาเอล เบรนาร์ด ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ เข้าร่วมการเจรจาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อพยายามนำ ILA และ USMX กลับมาเจรจาต่อรองเพื่อทำข้อตกลงอย่างรวดเร็ว

อ้างอิง: cnbc