โลกจับตามาตรการกระตุ้นของ 'จีน' วันนี้ อาจใหญ่เท่าอัดฉีด 4 ล้านล้าน ปี 2008

โลกจับตามาตรการกระตุ้นของ 'จีน' วันนี้ อาจใหญ่เท่าอัดฉีด 4 ล้านล้าน ปี 2008

โลกจับตา 'จีน' แถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ นักวิเคราะห์คาดอาจเทียบเท่าการอัดอัดฉีดครั้งใหญ่สุด '4 ล้านล้านหยวน' ในปี 2008 จ่อทำขาดดุลงบประมาณพุ่งสูงสุดทุบสถิติใหม่

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างความเห็นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่อการเตรียมแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า จีนมีหลายทางเลือกในการออกมาตรการกระตุ้นทางการคลัง (fiscal stimulus) รอบใหม่ โดยหนึ่งในทางเลือกที่อาจเป็นไปได้ก็คือ "การตั้งงบประมาณขาดดุลสูงสุดเท่าที่เคยมีมา" เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบทางเศรษฐกิจที่ 5% ได้ตามที่ตั้งเอาไว้ ในปีครบรอบการก่อตั้งประเทศ (ยุคใหม่) 75 ปี ในปีนี้

เจี่ย กัง อดีตหัวหน้าสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังของจีน เปิดเผยว่า รัฐบาลปักกิ่งอาจตัดสินใจปรับตัวเลขงบประมาณในไตรมาสนี้ โดยอาจตั้งการขาดดุลเอาไว้ที่ประมาณ 4% ของจีดีพี หรือสูงกว่าตัวเลขขาดดุลในปัจจุบันที่ 3% และอาจเป็นการใช้ "นโยบายกระตุ้นทางการคลังที่ใหญ่มาก"

มาตรการกระตุ้นทางการคลังที่จีนจะแถลงข่าวในวันนี้ อาจเป็นมาตรการชุดใหญ่ที่ปลดล็อกระหว่าง 4 - 10 ล้านล้านหยวน ซึ่งอาจรวมทั้งงบกระตุ้นจากรัฐบาลและการลงทุนของภาคเอกชนด้วย โดยภาคธนาคารอาจถูกวางบทบาทสำคัญในแง่ของการปล่อยกู้ให้โครงการต่างๆ ของรัฐ และอาจใช้รูปแบบการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลกับเอกชน (PPP) ในการเพิ่มการลงทุน  

เจี่ยซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหารของสถาบันคลังสมอง China Academy of New Supply-Side Economics กล่าวว่า การตัดสินใจปลดล็อกการใช้จ่ายของภาครัฐจะสอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. เพื่อฟื้นอุปสงค์ในเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก หลังจากที่ในเดือนต.ค. ปีที่แล้ว จีนได้ขยายเพดานงบขาดดุลในช่วงกลางปีงบประมาณเป็น 3.8% ของจีดีพี ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 

ทั้งนี้ จีนเคยประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์วงเงินสูงถึงราว 4 ล้านล้านหยวน เมื่อปี 2008 ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญ "วิกฤตการณ์ซับไพรม์" และกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่ขยายวงไปทั่วโลก โดยเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องทั้งการคลังและการเงินในช่วงระหว่างปี 2008-2010 ก่อนที่จะมีการกระตุ้นใหญ่อีกรอบในช่วงประมาณปี 2011-2012 ในช่วงวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปของกลุ่มประเทศ PIIGS แต่นับจากนั้นมา จีนก็แทบไม่เคยใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่อีก  

บรรดานักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนต่างจับตาดูมาตรการเพิ่มเติมของจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ผู้นำจีนส่งสัญญาณว่าต้องการจำกัดการชะลอตัวของประเทศ โดยในวันนี้ประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ระดับสูง 5 คน จากคณะกรรมการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีน นำโดยประธานเจิ้ง ซานเจี๋ย จะแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พาน กงเซิ่ง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้แถลงมาตรการกระตุ้นทางการเงินไปแล้วในเดือน ก.ย.