เรือเซวอลล่ม ล้มรัฐบาล รถบัสไหม้ ไหม้รัฐบาล? | กันต์ เอี่ยมอินทรา
เหตุรสบัสไฟไหม้ที่ทำให้เกิดการสูญเสียบุคลากรครู และนักเรียนรวม 23 ชีวิต เป็นเรื่องที่น่าเศร้า หากเทียบกับโศกนาฏกรรมเรือเซวอลของเกาหลีใต้ก็ถือเป็นการสูญเสียเยาวชนครั้งใหญ่เช่นกัน และเป็นบทเรียนการบริหารจัดการกับอุบัติเหตุที่รัฐบาลต้องตระหนักมากขึ้น
โศกนาฎกรรมรสบัสไฟไหม้ จนทำให้เกิดการสูญเสียของครู-นักเรียน 23 ชีวิต ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง
และหากบริหารจัดการไม่ดี อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล แบบที่กรณีเรือเซวอลล่มที่เกาหลีใต้ ที่สุดท้ายกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวขับประธานาธิบดีพักกึนเฮจากทำเนียบและติดคุกในที่สุด
กรณีรสบัสของไทยกับเรือเซวอลนั้นมีความคล้ายกันตรงที่ เป็นการสูญเสียของเยาวชนครั้งใหญ่ของประเทศที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่กรณีเรือเซวอลนั้นมีความซับซ้อนและจำนวนผู้เสียชีวิตเยอะกว่าของไทย กล่าวคือ ยอดผู้เสียชีวิตเมื่อเรือเซวอลล่มนั้นสูงถึง 306 ศพ จากผู้โดยสารทั้งหมด 426 คน และผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กมัธยมนั้นมีจำนวนสูงถึง 250 ศพ
โรงเรียนมัธยมดันวอนจัดทัศนศึกษาไปเกาะเซจูในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศยังหนาวอยู่โดยขึ้นเรือจากท่าเมืองอินชอน ซึ่งถือว่าระยะทางไกลเพราะเดินทางด้วยเรือใช้เวลากว่า 3-5 ชม. และภายใต้ความหละหลวมของกัปตันกับอีกหลายปัจจัย จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุกลางทาง ส่งผลให้เรือล่ม กัปตันหนีเอาตัวรอดขณะที่ประกาศให้ผู้โดยสารอยู่ในความสงบ และความช่วยเหลือก็ไม่ทันท่วงที บวกน้ำทะเลที่เย็นต่ำกว่า 12 องศา จึงทำให้ยอดผู้สูญเสียสูงถึง 306 ศพ
กรณีนี้คือแผลลึกในใจของคนเกาหลี เพราะมันคือส่วนผสมที่ลงตัวของความเลวร้ายในการจัดการปัญหาและโชคชะตา โดยขณะที่เรือล่มในช่วง 9.00-10.00 น. ของวันนั้น ประธานาธิบดีซึ่งได้รับการรายงานถึงสถานการณ์ กลับเลือกที่จะนิ่งสงบ ไม่มีการออกโรงใดใดนานถึง 7 ชม. ซึ่งก็มีเรื่องกระซิบกันถึงเหตุผลของช่วงเวลาที่หายไปนั้น ทั้งในทำนองชู้สาว หรือการใช้ยานอนหลับ หรือแม้กระทั่งอยู่ระหว่างการพักผ่อนเสริมสวย
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ประเด็นคือ 7 ชม.ที่หายไปนั้นกลายเป็นชนวนที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือทำลายประธานาธิบดี ด้วยน้ำผึ้งหยดเดียวโหมกับกรณีคอรัปชันและเรื่องอื้อฉาวต่างๆ นานา ในที่สุดความนิยมของพักกึนเฮที่เคยสูงถึง 63% ลดลงเหลือ 30% และที่สุดแล้วเหลือเพียง 4-5% ก่อนถูกถอดถอนโดยสภา และตัดสินโดยศาลให้ติดคุก 20 ปี
พักกึนเฮ คือประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ แต่เธอไม่ใช่หน้าใหม่ทางการเมืองแต่อย่างใดเพราะเธอคือทายาทของนายพลพักชองฮี อดีตผู้นำของเกาหลีใต้ ที่ดำรงตำแหน่งนานถึง 18 ปี ผู้ที่มีทั้งผู้คนนิยมชมชอบเพราะถือว่าเป็นผู้นำประเทศสู่ความเจริญหลังสงครามเกาหลี ขณะเดียวกันก็ถูกรังเกียจเพราะถือเป็นผู้นำเผด็จการที่เข้าสู่อำนาจจากการรัฐประหารและพยามจะครองอำนาจตราบเท่านาน
ในช่วงระยะเวลา 7 ชม.ที่หายไปของพักกึนเฮนี่เอง ที่สร้างความเดือดดาลแก่ประชาชน และเมื่อสืบสาวราวเรื่องลงไปให้ลึกแล้วก็พบว่า แท้จริงแล้วเรือเฟอร์รี่เซวอลนี้ได้ถูกดัดแปลงให้รับน้ำหนักเกินความสามารถของเรือ ซึ่งผิดกฎหมาย โดยวันที่เรือล่มนั้นบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดถึง 2 เท่า แต่ก็ยังสามารถดำเนินงานได้อย่างปกติมาตลอดอันเนื่องมาจากความหละหลวมของเจ้าหน้าที่และการทุจริตรับสินบน
ตัวอย่างของเรือเซวอล น่าจะกระตุกให้รัฐบาลซึ่งมีความเปราะบางอยู่แล้วเป็นทุนเดิน ระมัดระวังในการจัดการปัญหาและคลายข้อข้องใจของสังคม เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ประชาชนเศร้าเสียใจ เห็นใจ และจับตาถึงความคืบหน้าเป็นกรณีพิเศษ