‘ฮ่องกง’ ใช้จังหวะสิงคโปร์สะดุดขา สู่ ‘ศูนย์กลางการเงินใหม่’ ดึงดูดเศรษฐีตะวันออกกลาง

เมื่อ “สิงคโปร์” พลาดท่าจาก “ปมฉาวฟอกเงิน” มูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาทผ่าน Family Office จนความเชื่อมั่นในฐานะการเงินโลกของประเทศสั่นคลอน “ฮ่องกง” จึงช่วงใช้โอกาสนี้ ผลักดันแผนดึงดูดกลุ่มเศรษฐีตะวันออกกลาง เพื่อชิงตำแหน่ง “ศูนย์กลางการจัดการความมั่งคั่ง” ด้านการเงินกลับคืนมา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ฮ่องกงได้เชิญชวนตระกูลมหาเศรษฐีและกลุ่มธุรกิจจากอ่าวเปอร์เซียให้เข้ามาลงทุนในเมืองแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลมาจากที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้ทยอยถอนตัวออกไปจำนวนมาก จนทำให้สถานะฮ่องกงในฐานะประตูสู่จีนเริ่มเสื่อมคลายลง

- ฮ่องกง (เครดิต: Shutterstock) -

ฮ่องกง-อาหรับ ความสัมพันธ์อันดูดดื่ม

ไม่นานมานี้ ผู้บริหารของสององค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในอาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งก่อตั้งโดยสมาชิกของราชวงศ์ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานที่จัดโดย Hong Kong Jockey Club Charities Trust

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของฮ่องกงในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่เผชิญกับการไหลออกของเงินทุนและบุคลากรระดับสูงในช่วงโควิด-19 และเหตุการณ์ทางการเมือง ขณะเดียวกัน จีนแผ่นดินใหญ่ก็กำลังขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับภูมิภาคที่อุดมด้วยทรัพยากรน้ำมันอย่างต่อเนื่อง

“ฮ่องกงกำลังพยายามอย่างมากที่จะดึงดูดตระกูลมหาเศรษฐีจากอ่าวเปอร์เซีย” ศาสตราจารย์เหา เกา (Hao Gao) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยธุรกิจครอบครัวระดับโลก PBCSF ของมหาวิทยาลัยชิงหวากล่าว “ตระกูลเหล่านั้นครองอำนาจเหนือเศรษฐกิจและมีอิทธิพลอย่างมาก”

ในด้านนักลงทุนจากอ่าวเปอร์เซียมองว่า ฮ่องกงเป็นดั่ง “แพลตฟอร์มการระดมทุน” สำหรับธุรกิจในตะวันออกกลาง และทำหน้าที่เป็น “สะพาน” ในการเข้าถึงตลาดจีนแผ่นดินใหญ่

แพทริก ซาง (Patrick Tsang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tsangs Group ซึ่งเป็นบริษัทดูแลสำนักงานครอบครัวกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างจีน ฮ่องกง และตะวันออกกลางขณะนี้อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์”

 

ฮ่องกงคึกคัก นักท่องเที่ยวและ Family Office แห่มา

ในปัจจุบัน การเดินทางระหว่างฮ่องกงกับซาอุดีอาระเบียง่ายขึ้นด้วย สายการบินของฮ่องกงอย่าง Cathay Pacific Airways เตรียมจะกลับมาบินตรงไปยังกรุงริยาด เมืองหลวงซาอุดีอาระเบียในวันที่ 28 ตุลาคมเป็นต้นไป

ขณะที่สายการบิน Emirates Airlines ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลดูไบ ได้เปิดร้านค้าสำหรับนักเดินทางใจกลางย่านธุรกิจของฮ่องกงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความหวังว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับจีนจะเปิดทางให้มีเที่ยวบินมากขึ้น 

จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฮ่องกงพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศในอ่าวอาหรับ ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เดินทางมายังฮ่องกงในช่วงปีนี้ (นับถึงเดือนกรกฎาคม) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนถึงร้อยละ 136 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีนักท่องเที่ยวชาวอาหรับมาเยือนฮ่องกงมากกว่า 16,000 คน

จากการศึกษาของบริษัททำบัญชีอย่าง Deloitte ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาล พบว่า ณ สิ้นปี 2566 มีสำนักงานครอบครัว หรือ Family Office ตั้งอยู่ภายในฮ่องกงมากกว่า 2,700 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นของครอบครัวชาวจีน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีสำนักงานครอบครัวเข้ามาตั้งรกรากในฮ่องกงมากยิ่งขึ้น รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายลดหย่อนภาษีและสิทธิประโยชน์ด้านการพำนักอาศัย

“แน่นอนว่า ตะวันออกกลางเป็นพันธมิตรสำคัญของประเทศเรา และเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญในโครงการ Belt and Road” จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงกล่าวในงาน Ambassadors Club

ลีกล่าวว่า ฮ่องกงกำลังเจรจาข้อตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนกับซาอุดีอาระเบีย อีกทั้งมีข้อตกลงที่คล้ายกันกับคูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน หลังจากที่เปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าในนครดูไบแล้ว ฮ่องกงยังมีแผนที่จะเปิดสำนักงานในกรุงริยาดด้วย

จะเห็นได้ว่า การที่ฮ่องกงสามารถดึงดูดนักลงทุนจากตะวันออกกลางได้สำเร็จ ถือเป็นการกลับมาผงาดอีกครั้งในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างเอเชียและตะวันออกกลาง 

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันเพื่อเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเอเชียยังคงรุนแรง การที่ฮ่องกงจะรักษาความได้เปรียบนี้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์โลกและการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองภายใน

อ้างอิง: bloomberg