‘ญี่ปุ่น’ ฮิตเครื่องสำอางไทย ‘ราคาถูก-คุณภาพดี’ แต่ยังเป็นรองแบรนด์เกาหลีใต้
เครื่องสำอางไทยเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักช้อปชาวญี่ปุ่น เนื่องจากความยืดหยุ่นของผลิตภัณฑ์ที่ทนทานต่ออากาศร้อนและความชื้น และมีราคาถูก แต่มีแค่เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแบรนด์ไทยจะสามารถตามทันแบรนด์เกาหลีใต้และจะครองใจชาวญี่ปุ่นได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียสัมภาษณ์สาวญี่ปุ่นวัย 20 เกี่ยวกับความรู้สึกต่อแบรนด์เครื่องสำอางไทย เธอตอบว่า แป้งทาหน้าของไทยที่เธอซื้อผ่านช่องทางออนไลน์นั้นมีประโยชน์มากในช่วงฤดูร้อน
“ฉันมีผิวมัน มันช่วยลดความมันได้ และฉันชอบความรู้สึกที่ผิวเรียบเนียนเป็นเวลานาน”
นิกเกอิยกตัวอย่าง ลิปอิท (Lip It) แบรนด์ลิปสติกที่เข้าตลาดญี่ปุ่นในเดือนก.ย. โดยบอกว่าเป็นแบรนด์ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจสำหรับชาวญี่ปุ่น โดยลิปสติกรุ่น Click Click Lava Lip ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มติดริมฝีปากทนนาน จำหน่ายในญี่ปุ่นในราคาเพียง 1,320 เยน (ราว 290 บาท)
ขณะที่ Japan Functional Cosmetic Laboratory บริษัทร่วมพัฒนาและจำหน่ายเครื่องสำอางไทยในญี่ปุ่น เผยว่า “ศรีจันทร์” แบรนด์แป้งฝุ่นสัญชาติไทยที่เข้าตลาดญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิ.ย. 2563 เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางไทยเป็นที่รู้จักในญี่ปุ่น
“ศรีจันทร์” ธุรกิจที่เริ่มต้นจากการเป็นร้านยาสมุนไพรเล็กๆ เป็นผู้ผลิตที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 70 ปีในไทย มีสินค้าเรือธงคือ “แป้งฝุ่นโปร่งแสง” ที่ฮิตติดเทรนด์ในโซเชียลมีเดียช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากมีคุณสมบัติลดความมันและทำให้เครื่องสำอางติดทนแม้สวมหน้ากากอนามัย เครื่องสำอางรุ่นนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้หญิงอายุ 30 และ 40 ปี และมักจะขายหมดเกลี้ยง และด้วยคุณสมบัตินี้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นจึงเริ่มหันมาสนใจเครื่องสำอางไทยมากขึ้น
แบรนด์เคที่ดอลล์ (Cathy Doll) ที่เข้าตลาดญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2564 ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เนื่องจากแบรนด์มีนักแสดงไทยจากซีรีส์ “2gether” เป็นพรีเซนเตอร์ นิกเกอิเอเชียระบุว่า แบรนด์นี้มีจำหน่ายในร้านขายยาและร้านค้าอื่น ๆ ราว 3,000 แห่งทั่วประเทศ จึงมีส่วนผลักดันยอดขายธุรกิจ Japan Functional Cosmetic Laboratory ที่จำหน่ายเคที่ดอลล์ ให้เติบโต 11% ในปี 2566
ตัวแทนจากบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายนี้กล่าวถึงความนิยมของเครื่องสำอางแบรนด์ไทยว่า “ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยหลายแบรนด์เน้นให้ความสำคัญกับคิ้วและผิว” และว่าเครื่องสำอางมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดในระดับสูงเนื่องมาจากลักษณะเฉพาะของภูมิประเทศ
ครีมกันแดดเคที่ดอลล์ที่วางจำหน่ายในร้านค้าปลีกญี่ปุ่น Don Quijote สามารถจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็วเมื่อปี 2566
นอกจากนี้ ราคาสินค้าที่ถูกก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ไทยประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น
นิกเกอิรายงานว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสมุนไพรและพืชสมุนไพรรายใหญ่ ที่เป็นส่วนวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องสำอาง นั่นหมายความว่า เครื่องสำอางไทยสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูก ขณะที่ต้นทุนแรงงานไทยต่ำกว่าเพราะระดับค่าจ้างต่ำกว่าในยุโรป สหรัฐ และเกาหลีใต้ ส่วนผลิตภัณฑ์เขียนคิ้วของเคที่ดอลล์ก็มีราคาเพียง 550 เยน (ราว 120 บาท)
อย่างไรก็ตาม แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลียังคงเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แบรนด์ไทยยังไม่ได้รับความนิยมมากขนาดนั้น
Don Quijote เผยว่ายอดขายเครื่องสำอางไทยของบริษัทลดลงในช่วงม.ค.-ก.ย.
ตัวแทนจาก Don Quijote กล่าวว่า “ยังคงมีเพียงไม่กี่แบรนด์ และแม้ว่าจะมีแบรนด์นึงเป็นกระแสและขายดีในช่วงสั้น ๆ แต่ก็ยากที่จะรักษาระดับนั้นไว้ได้”
แหล่งข่าวบอกด้วยว่า แบรนด์เกาหลีใต้ยังคงครองที่หนึ่งในตลาดญี่ปุ่นต่อไปในช่วงนี้
ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง ระบุว่า มูลค่านำเข้าผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องสำอางจากไทยในปี 2566 อยู่ที่ 2,000 ล้านเยน ทิ้งห่างแบรนด์เกาหลีมาก ซึ่งมีมูลค่านำเข้าที่ 81,500 ล้านเยน
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจาก Japan Functional Cosmetic Laboratory บอกว่า “มีเครื่องสำอางไทยอีกหลายประเภท เช่น สกินแคร์ ที่ญี่ปุ่นยังไม่ได้นำ ดังนั้นยังมีโอกาสเติบโตในตลาดได้อีกมาก”
อ้างอิง: Nikkei Asia