ภาพถ่ายดาวเทียมชี้อิสราเอลโจมตีโรงงานผสมเชื้อเพลิงขีปนาวุธอิหร่าน

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานผลการวิเคราะห์ ภาพถ่ายดาวเทียม เชิงพาณิชย์จากบริษัทแพลเต็นแล็บส์ โดยนายเดวิด อัลไบรท์ อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันเพื่อวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ และนายเดคเกอร์ เอเวอรเลธ นักวิเคราะห์จากซีเอ็นเอ กลุ่มคลังสมองในกรุงวอชิงตัน

ทั้งสองคนกล่าวกับรอยเตอร์สว่า อิสราเอลโจมตี “พาร์ชิน”  หน่วยทหารขนาดใหญ่และโจมตี “โคเจอร์” หน่วยผลิตขีปนาวุธใกล้กรุงใกล้กรุงเตหะราน ซึ่งรอยเตอร์สเคยรายงานในเดือน ก.ค.ว่า โคห์เจอร์กำลังขยายพื้นที่ไปอย่างมาก

 

นายเอเลเวธกล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลอาจ “ทำลายขีดความสามารถของอิหร่านในการผลิตขีปนาวุธลงไปมาก”

ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลเผยว่า เมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ (26 ต.ค.) เครื่องบินอิสราเอลเปิดการโจมตีสามระลอก ถล่มโรงงานขีปนาวุธและอื่นๆ ใกล้กรุงเตหะรานและทางภาคตะวันตกของอิหร่าน เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลเตหะรานถล่มยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.

 

ด้านกองทัพอิหร่านแถลงว่า เครื่องบินรบอิสราเอลใช้ “หัวรบเบามาก” โจมตีระบบเรดาร์ชายแดนใน จ.อิลัม, คูเซสถาน และรอบกรุงเตหะราน

นายเอเลเวธกล่าวต่อไปว่า ภาพถ่ายดาวเทียมภาพหนึ่งชี้ว่าการโจมตีของอิสราเอลทำลายอาคารสองแห่งในเมืองโคเจอร์ ที่ใช้สำหรับผสมเชื้อเพลิงแข็งสำหรับขีปนาวุธ

จากการตรวจสอบของรอยเตอร์ส อาคารดังกล่าวรายล้อมไปด้วยคันดินสูง เป็นอาคารสำหรับผลิตขีปนาวุธ และถูกออกแบบเมื่อเพื่อป้องกันไม่ให้อาคารระเบิดหากเกิดเหตุระเบิดจากอาคารใกล้เคียง

ขณะที่ภาพถ่ายจากพาร์ชินเผยให้เห็น  อิสราเอลทำลายอาคารผสมเชื้อเพลิงแข็งสำหรับขีปนาวุธสามหลัง และคลังพัสดุอีกหนึ่งหลัง

ด้านนายอัลไบรท์ตรวจสอบภาพถ่ายพาร์ชิน จากภาพความคมชัดต่ำไม่ได้ระบุว่าเป็นของบริษัทใด พบว่า การโจมตีของอิสราเอลทำลายอาคารสามหลัง โดยสองหลังเป็นโรงงานผสมเชื้อเพลิงแข็งสำหรับขีปนาวุธ

อาคารดังกล่าวอยู่ห่างออกไปราว 350 หลา จากโรงงานแห่งหนึ่งที่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่งประเทศ ของยูเอ็น และหน่วยข่าวกรองสหรัฐกล่าวว่า เป็นโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างครอบคลุมที่อิหร่านปิดไปในปี 2003 แต่อิหร่านปฏิเสธว่าไม่เคยมีโครงการนี้  

 

อิสราเอลกล่าวว่า พวกเขาพุ่งเป้าโรงงานผสมเชื้อเพลิงแข็ง เครื่องผสมระดับอุตสาหกรรมเหล่านี้ผลิตได้ยากและถูกควบคุมการส่งออก อิหร่านนำเข้ามาหลายปีแล้วด้วยราคาสูงมาก และน่าจะหามาทดแทนได้ยาก” นายเอเลเวธกล่าวและว่า อิสราเอลอาจโจมตีอย่างหนักต่อความสามารถในการผลิตขีปนาวุธจำนวนมากของอิหร่าน  และทำให้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านในอนาคตเจาะระบบป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอลได้ยากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีแม่นยำมาก” นักวิเคราะห์รายนี้กล่าว

จากข้อมูลของทางการสหรัฐ  อิหร่านมีคลังแสงขีปนาวุธใหญ่สุดในตะวันออกกลาง  ส่งไปให้รัสเซียใช้ทำสงครามยูเครน ให้กบฏฮูตีของเยเมน และให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนด้วย ซึ่งรัฐบาลเตหะรานและมอสโกต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ก่อนหน้านี้นายเอเลเวธและนายเจฟฟรีย์ ลูอิส จากสถาบันมิดเดิลเบอรีแห่งมอนเทอเรย์ เคยวิเคราะห์ภาพจากแพลเน็ตแล็บส์ พบว่า ค่ายทหารในโคเจอร์และโมเดอร์เรสใกล้กรุงเตหะรานได้รับการขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ น่าจะเพื่อขยายการผลิตขีปนาวุธ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านสามรายยืนยันข้อสรุปดังกล่าว