สหรัฐเคาะมาตรการ 'คุมลงทุนจีน' คุมกำเนิดพัฒนา 'เอไอ-ชิปไฮเทค'

สหรัฐเคาะมาตรการ 'คุมลงทุนจีน' คุมกำเนิดพัฒนา 'เอไอ-ชิปไฮเทค'

สหรัฐเผยมาตรการ 'ควบคุมการลงทุนในจีน' เน้น 3 ด้าน 'ชิป-ควอนตัม-เอไอ' หวังคุมกำเนิดการพัฒนาเทคโนโลยีไฮเทคเสริมเขี้ยวเล็บทางทหาร

รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ แถลงเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่า รัฐบาลสหรัฐได้กำหนดเกณฑ์ขั้นสุดท้ายของมาตรการจำกัดการลงทุนของสหรัฐ ในด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) รวมถึงชิปล้ำสมัย และภาคส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ ใน "ประเทศจีน" ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ

มาตรการดังกล่าวซึ่งเสนอโดยกระทรวงการคลังสหรัฐเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นคำสั่งโดยตรงจากฝ่ายบริหารที่ลงนามโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนส.ค. 2566 ซึ่งครอบคลุม 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ 1. เซมิคอนดักเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ 2.เทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัม และ 3. ระบบปัญญาประดิษฐ์บางประเภท

มาตรการใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นไป และจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานธุรกรรมระดับโลกที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ของกระทรวงการคลังสหรัฐ

พอล โรเซน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า เทคโนโลยีคือหัวใจสำคัญของการทหาร ความมั่นคงไซเบอร์ การเฝ้าระวังตรวจจับ และข่าวกรองในยุคใหม่ มาตรการควบคุมการลงทุนครั้งนี้จะครอบคลุมถึงเทคโนโลยีต่างๆ เช่น “ระบบคอมพิวเตอร์ถอดรหัสได้ที่ล้ำสมัย หรือเครื่องบินขับไล่รุ่นต่อไป” 

"การลงทุนของสหรัฐ ซึ่งรวมไปถึงผลประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความช่วยเหลือด้านการจัดการ และการเข้าถึงเครือข่ายการลงทุนและบุคลากรที่มีความสามารถ ซึ่งมักมาพร้อมกับกระแสเงินทุนดังกล่าว จะต้องไม่ถูกนำไปใช้เพื่อช่วยประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพด้านการทหาร ข่าวกรอง และไซเบอร์" เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงการคลังกล่าว    

ทั้งนี้ กฎดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของสหรัฐที่ขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ความรู้เชิงเทคนิคของสหรัฐ มีส่วนช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและครองตลาดโลกได้

ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี 2567 จีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้กล่าวไว้ว่า กฎดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันไม่ให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทหาร