‘ชัยชนะทรัมป์’ ทำ ‘คนอเมริกันผิวดำ’ ผวา กังวลสิทธิ-เสรีภาพถูกบั่นทอน

‘ชัยชนะทรัมป์’ ทำ ‘คนอเมริกันผิวดำ’ ผวา กังวลสิทธิ-เสรีภาพถูกบั่นทอน

ชัยชนะการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ สะเทือนขวัญกลุ่มคนอเมริกันผิวดำที่ลงคะแนนเสียงให้กับคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตอย่างล้นหลาม เนื่องจากคนกลุ่มนี้กังวลว่าสิทธิ และเสรีภาพของตนอาจถูกบั่นทอน โดยมองว่า ว่าที่ผู้นำคนใหม่มักกล่าวถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยามกัน

ตามข้อมูลเอ็กซิตโพลที่จัดทำโดยเอดิสัน รีเสิร์ช ระบุว่า ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนอเมริกันผิวดำในรัฐนอร์ทแคโรไลนามากขึ้น แต่สัดส่วนกลุ่มคนผิวดำที่สนับสนุนทรัมป์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งในปี 2563

เอดิสัน รีเสิร์ช ระบุว่า คามาลา แฮร์ริส ได้คะแนนจากกลุ่มคนผิวดำ 86% ขณะที่ทรัมป์ได้ไป 12% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2563 ที่ปธน.ไบเดนได้รับ และแม้ทรัมป์พยายามดึงดูดฐานเสียงผู้ชายผิวดำ แต่เข้าก็ได้ฐานเสียงมาเพียง 20% เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อน 1%

นอกจากนี้ แฮร์ริสยังครองเสียงจากผู้หญิงผิวดำทั่วประเทศมากถึง 92% เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อน 2%

อนึ่ง กลุ่มคนผิวดำที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงคิดเป็นสัดส่วน 11% ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั่วประเทศ

ทั้งนี้ กลุ่มคนผิวดำที่มีสิทธิเลือกตั้ง ถือเป็นฐานเสียงที่สำคัญในชัยชนะของโจ ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2563 ซึ่งตอนนั้นแฮร์ริสเป็นคนผิวดำคนแรก และเป็นหญิงอเมริกันเอเชียคนแรกที่ได้เป็นรอง ปธน.สหรัฐ และหากแฮร์ริสชนะเลือกตั้ง เธอจะกลายเป็น ปธน.หญิงคนแรกของสหรัฐ

จากการสัมภาษณ์ชาวเมริกันผิวดำกว่า 20 คน รอยเตอร์พบว่า คนกลุ่มนี้รู้สึกกังวลกับการกลับมาดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ของทรัมป์ รวมถึงกังวลเกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิพลเมือง หลังทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยุติโครงการด้านการรวมกลุ่ม และความหลากหลายของรัฐบาล

หลายคนพูดถึงวาทกรรมของทรัมป์ เช่น ถ้อยคำเหยียดผิว และแบ่งแยกเรื่องเพศ บ่งชี้ว่าเขาไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของคนอเมริกันผิวดำเลยแม้แต่น้อย

แมรี สเปนเซอร์ พยาบาลวัยเกษียณ และนักการศึกษา อายุ 72 ปี ที่อาศัยอยู่ในโอ๊คครีก รัฐวิสคอนซิน ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตต เผยว่า เธอรู้สึกผิดหวังที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง และว่าความคิดเห็นของทรัมป์ต่อคนผิวดำเป็นการดูถูกเหยียดหยาม

“เพราะเขาคิดกับเราแบบนั้น คิดว่าเราทำแค่งาน (ผิดกฎหมาย) ที่ผู้อพยพทำ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นพวกงานดูแลบ้านหรืองานจัดสวน งานที่ไม่ต้องใช้ทักษะหรือมีความรู้มากนัก”

ในงานหนึ่งเมื่อเดือนก.ค. ที่มีนักข่าวผิวดำเข้าร่วม ทรัมป์บอกว่า ผู้อพยพ “ทำงานของคนผิวดำ” ซึ่งถือเป็นถ้อยคำที่สร้างอคติทางเชื้อชาติเกี่ยวกับประเภทงานที่คนอเมริกันผิวดำทำ

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ปฏิเสธว่าตนไม่ได้ดูถูกเหยียดหยาม เขาบอกว่า นโยบายทางเศรษฐกิจของตน จะลดภาษี ลดต้นทุนค่าบ้าน และกระตุ้นการสร้างงานให้กับคนอเมริกันทุกคน รวมถึงคนอเมริกันผิวดำ

แคทรีน โฮล์มส์ ผู้ประกอบการผิวดำวัย 51 ปี จากเมืองรีเวอร์เดล รัฐจอร์เจีย เผยว่า เธอโหวตให้แฮร์ริส และหวังว่าเธอจะทำให้ประเทศรวมกันเป็นหนึ่ง และลดความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติ

โฮล์มส์ บอกว่า เมื่อพิจารณาจากนโยบายและวาทกรรมของทรัมป์ ชัยชนะของเขาอาจขัดขวางความก้าวหน้าในการปิดช่องว่างเหล่านั้น

ด้านนาเดีย บราวน์ ผู้อำนวยการโครงการการศึกษาเรื่องเพศ และสตรี จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ บอกว่า ชัยชนะของทรัมป์อาจสร้างผลกระทบด้านจิตวิทยาต่อชาวอเมริกันผิวดำจำนวนมาก ที่ตื่นเต้นกับการจะมีประธานาธิบดีหญิงคนแรก และผู้นำสูงสุดคนที่สองที่เป็นคนผิวดำ ที่อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายแก่กลุ่มคนผิวดำได้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิเพื่อพลเมือง และเพื่อการลงคะแนนเสียงบอกว่า ผลการเลือกตั้งเหล่านี้จะผลักดันให้พวกเขาต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเชื้อชาติมากยิ่งขึ้น

โจทากา แอดดี ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Win With Black Women ซึ่งเป็นกลุ่มที่ระดมทุนเพื่อแฮร์ริส และสามารถระดมทุนได้หลายล้านดอลลาร์ในชั่วโมงแรกๆ หลังจากเธอขึ้นมาเป็นแคนดิเดตในเดือนก.ค. กล่าวว่า “พวกเราจะระดมทุกอย่างเพื่อยับยั้งการปรับเปลี่ยนสิทธิ และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเราทั้งหมด เราจะไม่นิ่งเฉย”

รอยเตอร์เผยว่า ทรัมป์เคยบอกว่าผู้อพยพที่อยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย “เป็นอันตรายต่อเลือดของประเทศ” และเผยแพร่ข่าวเท็จว่า ชาวเฮติกินสุนัข และแมวในโอไฮโอ และให้คำมั่นจะต่อสู้กับสิ่งที่เขาเรียกว่า “ความรู้สึกต่อต้านคนผิวขาว”

 

อ้างอิง: Reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์