เอกสารลับ BYD หลุด! กดดันซัพพลายเออร์ลดราคาอีก สงครามอีวีเดือดขึ้นกว่าเดิม

เอกสารลับ BYD หลุด! กดดันซัพพลายเออร์ลดราคาอีก สงครามอีวีเดือดขึ้นกว่าเดิม

เอกสาร ‘BYD’ หลุด สะท้อนเกมรุกด้วยการกดดันซัพพลายเออร์ลดราคาอีก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอีวี โดยคู่แข่งรายอื่นเผชิญความท้าทายหนักในการแข่งขันด้านราคาและเทคโนโลยี

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “บีวายดี” (BYD) บริษัทค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ได้ขอให้เหล่าซัพพลายเออร์ยอมรับ “การลดราคาลงอีก” ในปีหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตรถยนต์อีวีรายนี้กำลังเตรียมพร้อมกับสงครามราคาที่ดุเดือดขึ้นกว่าเดิมในปี 2025

เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) ภาพจับหน้าจอบางส่วนของอีเมลที่อ้างว่ามาจากยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ในนครเซินเจิ้นกำลังแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย โดยเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์รายหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ ลดราคา 10% ตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งผลปรากฏว่าเป็นภาพหลุดจากค่ายบีวายดี

“การต่อรองรายปีกับซัพพลายเออร์เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมยานยนต์” หลี่ หยุนเฟย ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และแบรนด์ของ BYD กล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดีย Weibo เมื่อวันพุธต่อกระแสอีเมลดังกล่าว “เราได้เสนอเป้าหมายการลดราคาให้กับซัพพลายเออร์ ซึ่งไม่ใช่ข้อกำหนดที่บังคับ เราสามารถเจรจาต่อรองได้”

อีเมลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้กำลังวางตำแหน่งตัวเองเพื่อรับมือกับส่วนลดเพิ่มเติมในปีหน้า สงครามราคาในตลาดอีวีจีน ซึ่งทวีความรุนแรงมานานกว่าสองปีแล้ว ได้ผลักดันให้เกิดการรวมกิจการและผลักผู้เล่นรายย่อยจำนวนมากให้ออกจากตลาดไป

ด้านค่ายรถตะวันตกก็ปรับตัวเช่นกัน เช่น Volkswagen AG และ Stellantis NV ได้ร่วมมือกับแบรนด์จีน เช่น Xpeng และ Zhejiang Leapmotor Technology เพื่อใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าของจีน ในขณะที่แบรนด์อีวีระดับพรีเมียมอย่าง HiPhi และ WM Motor ในเซี่ยงไฮ้ กำลังเผชิญกับการล้มละลาย

จนถึงตอนนี้ BYD สามารถผ่านพ้นสงครามราคาไปได้ โดยไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง และอาจจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อต้นปีนี้ BYD ได้นำกลยุทธ์ลดราคาครั้งใหม่ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและกดดันคู่แข่งที่อ่อนแอกว่าให้จากลาไป

บริษัทยังคงสร้างรายได้และกำไรในระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสล่าสุด รายได้ของ BYD แซงหน้าค่ายรถ Tesla แห่งสหรัฐเป็นครั้งแรก และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปี

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็น “แบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในจีน” โดยมียอดขายรถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินและรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 3.2 ล้านคันในปีนี้ รวมถึงยอดขายในเดือนตุลาคมที่สูงถึงครึ่งล้านคัน บริษัทกำลังมุ่งหน้าที่จะมียอดขายอย่างน้อย 4 ล้านคันภายในสิ้นปี

อ้างอิง: bloomberg