เอเชียจ่อรับอานิสงส์ช้อนซื้อน้ำมันราคาถูกจาก 'แคนาดา-เม็กซิโก'

เอเชียจ่อรับอานิสงส์ช้อนซื้อน้ำมันราคาถูกจาก 'แคนาดา-เม็กซิโก'

นักวิเคราะห์ชี้เอเชียอาจได้อานิสงส์ช้อนซื้อน้ำมันราคาถูกจากแคนาดา-เม็กซิโก จากผลพวงมาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ ที่บีบให้ต้องลดราคา-หันไปขายประเทศอื่นนอกสหรัฐมากขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างบรรดานักค้าและนักวิเคราะห์ว่า ผู้ผลิตน้ำมันในแคนาดาและเม็กซิโกอาจถูกบังคับให้ต้องลดราคาน้ำมันและเปลี่ยนเส้นทางการค้าไปยังเอเชียแทน หากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากร 25% กับทั้งสองประเทศจริง ซึ่งจะครอบคลุมถึงการนำเข้าน้ำมันดิบด้วย   

แหล่งข่าว 2 รายที่เกี่ยวข้องเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า "น้ำมัน" จะไม่ได้รับการยกเว้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าน้ำสินค้ามันจากแคนาดาและเม็กซิโก แม้ว่าทางอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐจะเตือนว่านโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค อุตสาหกรรม และความมั่นคงของชาติก็ตาม

ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) ระบุว่า แคนาดาและเม็กซิโกเป็น 2 ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐ โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 52% และ 11% ของปริมาณที่สหรัฐนำเข้าทั้งหมดตามลำดับ

ข้อมูลการติดตามเรือของ Kpler ระบุว่า สหรัฐคิดเป็น 61% ของปริมาณน้ำมันที่ส่งออกทางเรือจากแคนาดา และ 56% จากเม็กซิโก โดยในปี 2024 การส่งออกน้ำมันทางเรือไปทั่วโลกของแคนาดาเพิ่มขึ้นเป็น 65% สู่ระดับราว 530,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐและเอเชียที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการเปิดท่อส่งน้ำมัน Trans-Mountain ส่วนต่อขยายออกไป
 

ดาน สตรูเวน หัวหน้าร่วมฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์โลกของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า "หากผู้ผลิตในแคนาดาเผชิญกับข้อจำกัดในการส่งออก และไม่สามารถเปลี่ยนเส้นทางจากที่เคยส่งออกไปสหรัฐไปสู่ตลาดอื่นๆ แทนได้ ก็อาจทำให้พวกเขาต้องปรับลดราคาลงมากขึ้น และอาจสูญเสียรายได้บางส่วนไปด้วย"

ทั้งนี้ แคนาดาและเม็กซิโกส่งออกน้ำมันดิบที่มีกำมะถันสูงเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะถูกซื้อเพื่อนำไปเข้าโรงกลั่นที่มีความซับซ้อนสูงในสหรัฐและเอเชีย

เทรดเดอร์ในสิงคโปร์รายหนึ่งระบุว่า "ผลกระทบทั้งหมดล้วนแต่เกิดขึ้นกับน้ำมันดิบชนิดหนัก แล้วบรรดาโรงกลั่นของสหรัฐฯ จะทำอย่างไร แม้กระทั่งปริมาณน้ำมันดิบชนิดหนักของซาอุดีอาระเบียก็มีจำกัด" และเสริมว่า โรงกลั่นบางแห่งของสหรัฐฯ สามารถรับน้ำมันดิบได้ผ่านท่อส่งเท่านั้น ซึ่งจำกัดทางเลือกในการนำเข้าน้ำมันดิบ

เขายังกล่าวอีกว่า "ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือโรงกลั่นล้วนได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าทั้งสิ้น" และเสริมว่า ผู้ผลิตในแคนาดาจะต้องปรับลดราคาน้ำมันลงมากขึ้นเพื่อดึงดูดความต้องการจากผู้กลั่นในเอเชียและชดเชยต้นทุนด้านการขนส่งระยะไกล"

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวด้านการกลั่นน้ำมันในเอเชียและนักวิเคราะห์ระบุว่า พวกเขาคาดว่าจะได้เห็นน้ำมันแคนาดาและเม็กซิโกถูกส่งมายังเอเชียมากขึ้น หากทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้าดังกล่าว

อันห์ ฟาม นักวิเคราะห์จากแอลเอสอีจี (LSEG) กล่าวว่า "เราน่าจะได้เห็นน้ำมันดิบบางส่วนถูกส่งไปยังจีนและอินเดีย ซึ่งโรงกลั่นของพวกเขาสามารถกลั่นน้ำมันดิบได้"