คาดกำไร ‘Samsung’ วูบเกือบ 30% แข่งขันชิป HBM ไม่ทัน ตามหลังคู่แข่ง SK Hynix

คาดกำไร ‘Samsung’ วูบเกือบ 30% แข่งขันชิป HBM ไม่ทัน ตามหลังคู่แข่ง SK Hynix

‘ซัมซุง’ อาจเสี่ยงประสบปัญหากำไรจากการดำเนินงานลดลงถึง 29.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุจากภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมชิปหน่วยความจำ อีกทั้งเผชิญความท้าทายในการแข่งขันด้านชิป HBM ที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า กำไรจากการดำเนินงานของ “ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์” (Samsung Electronics) มีแนวโน้มลดลง 29.2% เหลือ 6.5 ล้านล้านวอน (ราว 1.5 แสนล้านบาท) ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบกับ 3 เดือนก่อนหน้า ซึ่งอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เนื่องจากอุตสาหกรรมชิปหน่วยความจำถดถอยรุนแรงยิ่งขึ้น

Samsung เปิดเผยอีกว่า รายได้มีแนวโน้มลดลง 5.2% เหลือ 75 ล้านล้านวอนในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้มาก โดยผลสำรวจความคิดเห็นของตลาดจาก FnGuide ซึ่งรวบรวมประมาณการจาก 25 บริษัทหลักทรัพย์เคยคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงาน Samsung จะอยู่ที่ 7.9 ล้านล้านวอน และรายได้จะอยู่ที่ 77.4 ล้านล้านวอนในช่วงไตรมาส 4

ผลประกอบการที่ตกต่ำเกิดขึ้นขณะที่อุปทานชิปจากเหล่าผู้ผลิตชาวจีนพุ่งขึ้น จนส่งผลกระทบต่อราคาของชิป DRAM และ NAND แบบดั้งเดิมให้ร่วง 

ไม่เพียงเท่านั้น ซัมซุงยังคงดิ้นรนเพื่อเพิ่มอุปทานของชิปหน่วยความจำแบนด์วิธสูง (HBM) ซึ่งเป็นชิปแบบใหม่ที่ใช้ในปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (AI) แต่เนื่องจากปัญหาทางเทคโนโลยี บริษัทกำลังตามหลังคู่แข่งในประเทศอย่าง “SK Hynix” ซึ่งจัดหาชิป HBM ให้กับ Nvidia ผู้ผลิตชิป AI ชั้นนำเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Nvidia ได้ให้ความเชื่อมั่นกับ Samsung ในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ CES ที่ลาสเวกัส โดยกล่าวว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในด้าน HBM”

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ซัมซุงอาจได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยของชิปหน่วยความจำ รวมถึงต้นทุนแรงงานและการวิจัยที่เพิ่มสูงขึ้น

ซีดับเบิลยู ชุง นักวิเคราะห์อาวุโสของโนมูระกล่าวในบันทึกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “การลดประมาณการของเราบางส่วน เกิดจากราคาขายเฉลี่ยของชิป DRAM และ NAND ที่ลดลง แต่ในมุมมองของเรา ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นของบริษัท”

“เราประเมินว่า ต้นทุนของแผนกเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมถึงการจ่ายโบนัสที่สูงขึ้น เพื่อให้ทัดเทียมกับคู่แข่งทั้งในด้านหน่วยความจำและโรงงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาที่มากขึ้นในการปิดช่องว่างด้านการแข่งขันเซมิคอนดักเตอร์”


อ้างอิง: nikkei