ทีมเศรษฐกิจ ’ทรัมป์‘ ซุ่มศึกษา แผนขึ้นภาษีแบบ ‘ขั้นบันได‘ เลี่ยงเงินเฟ้อ

ทีมเศรษฐกิจ ’ทรัมป์‘ ซุ่มศึกษา แผนขึ้นภาษีแบบ ‘ขั้นบันได‘ เลี่ยงเงินเฟ้อ

ทีมเศรษฐกิจ ’ทรัมป์‘ นำโดยสก็อตต์ เบสเซนต์ ซุ่มศึกษาแผนขึ้นภาษีแบบ ‘ขั้นบันได‘ เดือนละ 2-5% เพื่อเลี่ยง ‘เงินเฟ้อ’ ภายใต้พ.ร.บ.ภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระดับชาติ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าสมาชิกทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของว่าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” กำลังหารือกันถึงการค่อยๆ เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรทีละเดือน เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาและช่วยหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของ “อัตราเงินเฟ้อ”

แหล่งข่าวเผยว่าการขึ้นภาษีแบบ "ขั้นบันได" คือหนึ่งในวิธีการของทีมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรเดือนละ 2% ถึง 5% ซึ่งจะต้องอาศัยอำนาจบริหารภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ 

ทั้งนี้ ข้อเสนอนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและยังไม่ได้นำเสนอต่อทรัมป์ ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ในช่วงแรกของกระบวนการพิจารณา

ที่ปรึกษาที่ทำงานเกี่ยวกับแผนดังกล่าว นำโดย “สก็อตต์ เบสเซนต์” ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เควิน ฮัสเซตต์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ และสตีเฟน มิรันซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้าสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ

ทีมเศรษฐกิจ ’ทรัมป์‘ ซุ่มศึกษา แผนขึ้นภาษีแบบ ‘ขั้นบันได‘ เลี่ยงเงินเฟ้อ

สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สงครามการค้ากระตุ้น ‘เงินเฟ้อ’

ฮัสเซตต์ โฆษกของเบสเซนท์ และมิรันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถ้า สงครามการค้ากระตุ้น ‘เงินเฟ้อ’

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ระบุว่าจะลงนาม การขึ้นภาษีศุลกากรอีก 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน และจะขึ้นภาษีศุลกากร 25% กับประเทศเม็กซิโกและแคนาดา ในวันแรกของการเข้าทำงาน หลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 2568 โดยอ้างว่าเป็นเพราะกังวลเรื่องการลักลอบนำเข้าและค้ายาผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยาเฟนทานิล (Fentanyl)  

ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันเข้ารับตำแหน่ง นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า ภัยคุกคามภาษีศุลกากร ของทรัมป์ถือเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มการเติบโต ขณะเดียวกันก็อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อหากประเทศต่างๆ ตอบโต้

คริสตาลินา จอร์เจียวาผู้อำนวยการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวว่าภัยคุกคามด้านภาษีศุลกากรกำลังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น

“ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของรัฐบาลชุดใหม่กำลังเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และ สะท้อนออกมาทั่วโลกผ่านอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่สูงขึ้น" 

อ้างอิง Bloomberg