ยอดขายรถอีวีทั่วโลก 'ทุบสถิติใหม่' โต 25% ในปี 2567

ยอดขายรถอีวีทั่วโลก 'ทุบสถิติใหม่' โต 25% ในปี 2567

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งแรงทุบสถิติใหม่ในปี 2567 เติบโต 25% นำโดยตลาด "จีน" แต่นักวิเคราะห์เผยปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง คาดยอดขายในจีนจะชะลอตัวรุนแรง และจะเห็นการดิ้นรนควบรวมกิจการกันมากขึ้น

บริษัทวิจัย Rho Motion เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (HPEV) ทั่วโลกในปีที่แล้ว ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 25% เป็น 17.1 ล้านคัน โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายในเดือนธันวาคม ที่ทำสถิติ "สูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่" เนื่องจากตลาดจีนยังคงเติบโต และตลาดยุโรปก็มีเสถียรภาพดีขึ้น 

มาตรการจูงใจการซื้อ และเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอน นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันยอดขายใน "จีน" พุ่งแตะ 11 ล้านคันในปีที่แล้ว และยังเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ตลาดสหราชอาณาจักร (UK) เติบโตแซงหน้า "เยอรมนี" ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในปี 2567

ทั้งนี้ ยอดขายรวมในปี 2567 เติบโตมากกว่ายอดขายในปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 13.6 ล้านคัน หรือมากกว่าประมาณ 3.5 ล้านคัน และยังเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 10.4 ล้านคัน ขณะที่ Rho Motion คำนวณเฉพาะยอดขาย BEV และ HPEV เท่านั้น ไม่ได้นับรวมกลุ่มรถยนต์ไฮบริดปกติแต่อย่างใด 
 
หากนับเฉพาะเดือนธันวาคม เพียงเดือนเดียว ยอดขายทั่วโลกเติบโตถึง 26.4% นำโดยตลาดจีนที่ขยายตัวได้ 36.5% หรือ 1.3 ล้านคัน ขณะที่ตลาดสหรัฐขยายตัว 8.8% อยู่ที่ 1.9 แสนคัน และยุโรปขยายตัว 0.7% อยู่ที่ 3.1 แสนคัน 

อย่างไรก็ดี สำหรับในปีนี้ 2568 บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามองว่าจะเป็น "ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง" เนื่องจากคาดว่ายอดขายในจีนจะเติบโตได้ช้าลง ส่วนในยุโรปกำลังจะเริ่มใช้เป้าหมายการปล่อยมลพิษใหม่ ขณะที่สหรัฐยังเต็มไปด้วยคำถามต่างๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่อาจเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์  

"การยกเลิกเงินอุดหนุนในเยอรมนี ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตลาดยุโรปทั้งหมด หากสหรัฐทำตาม เราอาจเห็นสถานการณ์เดียวกันเกิดขึ้น" Rho Motion ระบุ

'จีน' คาดปีนี้ยอดขายชะลอตัวแรง

ทางด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตลาดรถยนต์อีวีของจีนมีแนวโน้มจะเผชิญภาวะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในปี 2568 นี้ ตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทำให้บริษัทต่างๆ ที่กำลังพยายามเอาตัวรอดกันอยู่ต้องเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มขึ้น

จากข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน พบว่า ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมถึงรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าล้วน และรถยนต์ไฮบริด พุ่งขึ้น 42% เมื่อปีที่แล้ว เป็นเกือบ 11 ล้านคัน นำโดยยอดขายของบริษัท "บีวายดี" (BYD) ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% เป็นเกือบ 4.3 ล้านคัน สูงกว่าเป้าหมายภายในของบริษัทที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตอย่างน้อย 20% 

อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิเคราะห์ของธนาคาร HSBC คาดการณ์ว่า ยอดขายในจีนจะเพิ่มขึ้นเพียง 20% ในปีนี้ และจะได้เห็นการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมรถอีวีมากขึ้นเช่นกัน ส่วน BYD นั้นคาดว่าจะมียอดขายเติบโตประมาณ 14% ในปีนี้ 

อวี๋เชียน ติง หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ยานยนต์ของ HSBC กล่าวว่า ปริมาณการขายที่แข็งแกร่งช่วยให้ "บริษัทที่ต้องดิ้นรน และตามหลัง" ยังพอสามารถประคองตัวได้แม้จะมีอัตรากำไรที่ลดลง และชี้ว่ามีเพียง BYD, Tesla และ Li Auto เท่านั้นที่ทำกำไรได้ในปี 2566

"ในมุมมองของเรา สถานการณ์นี้ไม่ยั่งยืน และเราคาดว่าการควบรวมในอุตสาหกรรมจะเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว" ติง กล่าว

ที่มา: Reuters, Electrik, CNBC

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์