Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

Zest Thailand/Thailand-Japan Fast Track Pitch Event 2025, FINAL STAGE ช่วยสานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัทขนาดใหญ่และสาตร์ตอัปในอนาคต

ผ่านไปแล้วเป็นเวลาเกือบ 4 เดือน หลังจากงาน Zest Thailand/Thailand Japan Fast Track Pitch Event 2025 เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2567 ที่เปิดให้ธุรกิจนวัตกรรมไทยและญี่ปุ่นขนาดใหญ่นำเสนอความท้าทายที่ธุรกิจเผชิญ เป็นโจทย์ให้บรรดาธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ตอัปร่วมหาวิธีแก้ไขปัญหาและนำเสนอแนวคิดการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความมือระหว่างกันในอนาคต

เดือนมี.ค. นี้ ถึงเวลาที่บรรดาบริษัทสตาร์ตอัปทั้งไทย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผ่านเข้ารอบ นำเสนอแนวทางแก้ไขและการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ผ่านเวที Zest Thailand/Thailand-Japan Fast Track Pitch Event 2025, FINAL STAGE เมื่อวันพุธที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ (เจโทร กรุงเทพฯ) ร่วมกับหน่วยราชการประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น อาทิ กระทรวงพลังงาน บีโอไอของไทย กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ประเทศญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และหอการค้าญี่ปุ่นในประเทศไทย

งานนำเสนอความท้าทายของบรรดาธุรกิจขนาดใหญ่ครั้งก่อนมีบริษัทเข้าร่วม 6 บริษัท ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ, สยามซีเมนต์ กรุ๊ป, เอสซีจีซี (SCGC), ไทยเซอิ คอร์ปอเรชัน, โตชิบา และ Weathernews ซึ่งแต่ละบริษัทมีความต้องการที่แตกต่างกันไป ดังนี้

บริษัทในไทยอย่างสวนอุตสาหกรรมโรจนะ, สยามซีเมนต์ กรุ๊ป, เอสซีจีซี (SCGC) ล้วนต้องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสีเขียว โดยสวนอุตสาหกรรมโรจนะต้องการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างครอบคลุม ปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และควบคุมการปล่อยคาร์บอน ขณะที่สยามซีเมนต์ กรุ๊ป ต้องการเทคโนโลยีช่วยลดหรือชดเชยการปล่อยคาร์บอนในการผลิต และวัสดุล้ำสมัยทดแทนปูนซีเมนต์คลิงเกอร์ รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) หรือระบบดิจิทัลช่วยปรับปรุงและลดต้นทุนการผลิตในอนาคต ส่วนเอสซีจีซี (SCGC) ต้องการนวัตกรรมรีไซเคิลวัสดุเคมีภัณฑ์ให้กลับมาใช้ใหม่ได้ และเทคโนโลยีช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในการผลิต

สำหรับกลุ่มบริษัทจากญี่ปุ่นจะเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจในไทย โดยไทยเซอิ บริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ต้องการนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่ช่วยสนับสนุนให้อาคารใช้พลังงานเป็นศูนย์ในไทย (Zero Energy Buildings) ขณะที่โตชิบา บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คนไทยรู้จักกันดี กำลังพัฒนา Internet of Things หรือ IoT และเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์ม “ifLink” จึงต้องการธุรกิจที่เชี่ยวชาญระบบ IoT ส่วน Weathernews ธุรกิจให้บริการข้อมูลสภาพอากาศความแม่นยำสูง ต้องการพัฒนาหรือจำหน่ายโซลูชันทางธุรกิจเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในด้านต่าง ๆ เช่น การเกษตร การเพิ่มผลผลิต ฯลฯ

ส่วนบริษัทสตาร์ตอัปที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศมีทั้งหมด 16 บริษัท แต่มี 6 ธุรกิจเท่านั้นที่ชนะใจบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและญี่ปุ่น ซึ่งได้แก่

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

1.Zeroboard สตาร์ตอัปญี่ปุ่น สามารถเอาชนะใจสวนอุตสาหกรรมโรจนะด้วยเทคโนโลยีคำนวณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ รายงานผลลัพธ์และสถานะการปล่อยมลพิษให้กับพาร์ตเนอร์ พร้อมช่วยเสนอโซลูชันให้ธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างครอบคลุม

 

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

2.Parongpong RAW Lab บริษัทแปรรูปวัสดุเหลือใช้เป็นวัสดุทนทานที่ใช้ในการก่อสร้างสัญชาติอินโดนีเซีย  เอาชนะคู่แข่งและเป็นธุรกิจที่น่าสนใจที่สุดสำหรับสยามซีเมนต์ กรุ๊ป บริษัทนี้จะนำขยะหรือของเหลือใช้ เช่น หน้ากากอนามัย ไปแปรรูปด้วยเทคโนโลยีของบริษัทให้เป็นวัสดุเสริมแกร่งเชื่อมประสานที่เรียกว่า RAWChar นอกจากลดปริมาณขยะแล้วยังลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 40% เมื่อเทียบกับการใช้ซีเมนต์ดั้งเดิม

 

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

3.TBM สตาร์ตอัปจากญี่ปุ่น เป็นบริษัทที่เอสซีจีซี (SCGC) เลือกให้เป็นผู้ชนะ โดย TBM ได้นำเสนอวัสดุรีไซเคิล "ไลแม็กซ์" (Limax) ที่มาจากการผสมระหว่างแคลเซียมคาร์บอเนตกับพลาสติกเรซิน สามารถนำไปผลิตแทนพลาสติกได้และแปรรูปวัสดุได้หลายแบบ เช่น แผ่นฟิล์ม ถุง ไม้แขวนเสื้อ หรือกล่องอาหาร การใช้วัสดุไลแม็กซ์จะช่วยลดการใช้ปิโตเลียมและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ซีอาร์ไลแม็กซ์ (CR Limax) วัสดุไลแม็กซ์แบบปล่อยคาร์บอนต่ำที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มได้อีกเมื่อนำวัสดุนี้ไปผลิตสินค้าต่างๆ

 

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

4. T-Smart สตาร์ตอัปสัญชาติไทยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวิเคราะห์การใช้พลังงานด้วยเอไอและบริการโซลูชัน IoT เอาชนะใจไทยเซอิ คอร์ปอเรชันได้ โดยบริษัทจะเริ่มตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานของอาคาร จากนั้นจะหาแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมรายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งในปี 2567 บริษัทสามารถช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าแล้วกว่า 19.5 ล้านกิโลวัตต์ หรือคิดเป็นมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ จากพาร์ตเนอร์ 32 รายในไทย เช่น ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ

 

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

5.IITHIRIT TECHNOLOGY บริษัทเทคโนโลยี IoT แบบครบวงจรสัญชาติไทย ได้รับเลือกจากโตชิบาให้เป็นผู้ชนะ โดย IITHIRIT เป็นบริษัทพัฒนา IoT ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงระบบคลาวด์ และมีแพลตฟอร์มไอเทรนด์ (iTrend) เป็นระบบเรือธงของบริษัทที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของระบบ ifLink โตชิบาได้

 

Zest Thailand สานฝันธุรกิจ แจ้งเกิด ‘สตาร์ตอัป’ ศักยภาพสูง

6.Green Carbon บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างคาร์บอนเครดิตสัญชาติญี่ปุ่น เอาชนะคู่แข่งรายอื่นๆ จนเป็นธุรกิจที่ Weathernews สนใจมากที่สุด Green Carbon ได้นำเสนอแนวทางสร้างคาร์บอนเครดิตที่มีประสิทธิภาพสูง โดยนำข้อมูลสภาพอากาศมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลด้านการเกษตร เพื่อสร้างคาร์บอนเครดิตและพัฒนาการทำนาในไทยในรูปแบบใหม่เพื่อรับมือกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ผู้ชนะในงาน Zest Thailand ยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์อย่างเป็นทางการกับธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยและญี่ปุ่น เนื่องจากการร่วมธุรกิจมีรายละเอียดที่ต้องหารือมากกว่านั้น อย่างไรก็ดี งานนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปเหล่านั้นได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และได้รับการรับรองจากบริษัทยักษ์ใหญ่ว่าสตาร์ตอัปที่ชนะมีศักยภาพและน่าสนใจร่วมธุรกิจในอนาคต