'ดอลลาร์' ระส่ำ! ภาษีทรัมป์ส่อทำอ่อนค่าระยะยาว สกุลยูโรจ่อพุ่งแทน

'ดอลลาร์' ระส่ำ! ภาษีทรัมป์ส่อทำอ่อนค่าระยะยาว สกุลยูโรจ่อพุ่งแทน

มาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ กำลังสร้างแรงกดดันต่อ ‘ดอลลาร์’ อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะยาว แม้จะมีการฟื้นตัวในระยะสั้นก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ ยูโรและสกุลเงินอื่น ๆ น่าจะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มาตรการ “กำแพงภาษีของทรัมป์” กำลังกระทบ “ความเชื่อมั่นที่มีต่อดอลลาร์” และทำให้นักลงทุนมองหาเงินตราต่างประเทศอื่นในการซื้อขายแลกเปลี่ยนแทน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงเช้าวันพุธ แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ได้ทยอยลดลงจากจุดสูงสุด

โดยทั่วไปแล้ว “ดอลลาร์” ถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” สำหรับนักลงทุน เนื่องจากอยู่ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก และมีบทบาทสำคัญในการกู้ยืม การชำระเงิน และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สินค้าส่งออกของสหรัฐ จะมีราคาสูงขึ้น ในขณะที่สินค้านำเข้าจะถูกลง 

นอกจากนี้ มูลค่าของเงินดอลลาร์ ยังสามารถส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินโลก กระแสเงินทุน และผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ได้อีกด้วย

“สถานการณ์ลงทุนของนักเทรดสกุลเงิน กำลังเปลี่ยนไปใน ‘ทิศทางลบ’ ต่อดอลลาร์ และมีแนวโน้ม ‘เชิงบวกมากขึ้น’ ต่อสกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐ ในขณะที่สหรัฐกำลังเตรียมเปิดฉากสงครามการค้าระดับพหุภาคี” โจเซฟ บรูซูลาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ RSM U.S. กล่าว

บรูซูลาสยังชี้ให้เห็นถึงการซื้อขายในสกุลเงินยูโรที่เพิ่มขึ้นว่า เป็นสัญญาณของ “ความเชื่อมั่นที่ลดลงในดอลลาร์”

“ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนถือสถานะซื้อดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร” บรูซูลาสกล่าว “แต่ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานะสุทธิเปลี่ยนเป็นการถือและซื้อยูโรแทน”

จอร์แดน โรเชสเตอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FICC และผู้อำนวยการบริหารของ Mizuho Bank กล่าวว่า เขามีมุมมองแบบ “ลงก่อนแล้วค่อยขึ้น” สำหรับค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์
เขาคาดว่า ยูโรจะอ่อนค่าลงไปอยู่ระหว่าง 1.06 ถึง 1.07 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นไปที่ 1.12 ดอลลาร์ หรือสูงกว่านั้นภายในสิ้นปี

“ผมคาดว่า ตลาดจะปรับราคาสู่ ‘จุดเจ็บปวดสูงสุด’ เมื่อมีรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการภาษีออกมา” เขากล่าวโดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์นี้ ถือเป็น “โอกาสการลงทุนในทิศทางตรงข้าม”

“มาตรการภาษี ไม่น่าจะแย่ลงไปกว่านี้เมื่อราคาถูกสะท้อนอย่างเต็มที่แล้ว และสหภาพยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆ ก็น่าจะตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวในภายหลัง” โรเชสเตอร์กล่าว

ด้านอาธานาซิออส วัมวาคิดิส หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ G10 FX ระดับโลกและกรรมการผู้จัดการของ Bank of America มองว่า เงินดอลลาร์มีแนวโน้ม “อ่อนค่าลง” ในอนาคต แม้ว่าในระยะสั้น มาตรการภาษีอาจส่งผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ในทันที

“สำหรับค่าเงินดอลลาร์ เรามีมุมมองเชิงลบมาตลอด และยังคงมองว่าดอลลาร์ จะอ่อนค่าตลอดทั้งปี” เขากล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ “เรามองว่า ตลาดได้สะท้อนผลกระทบจากมาตรการภาษีบางส่วนไปแล้ว แต่ในที่สุดจะมีการบังคับใช้ภาษีในวงกว้าง”

วัมวาคิดิสเสริมว่า ดอลลาร์อาจปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ทันที หลังจากที่มาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ แต่เขาเน้นว่า สถานการณ์นี้ “มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโอกาสในการขาย”

“นอกเหนือจากผลกระทบในระยะสั้นมากแล้ว ยังมีสองปัจจัยหลักที่อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง” วัมวาคิดิสอธิบาย “ประการแรก ในสถานการณ์สงครามการค้า หากสหรัฐต้องเผชิญหน้ากับทั้งโลก ในท้ายที่สุด สหรัฐจะได้รับผลกระทบหนักกว่า เพราะเมื่อเทียบกับสหรัฐแล้ว เศรษฐกิจของส่วนอื่นๆ ของโลกมีขนาดใหญ่กว่า ประการที่สอง มาตรการภาษี บ่งชี้ถึงความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจชะลอตัว (Stagflation) และในขณะนี้ ตลาดมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงดังกล่าว”

อ้างอิง: cnbc