ภาษีทรัมป์เขย่า ‘อาเซียน’ บริษัท TU, AH โดนผลกระทบ

ภาษีตอบโต้จากทรัมป์ กำลังก่อกระแสกังวลในภาคธุรกิจอาเซียนที่พึ่งพาตลาดสหรัฐ และแรงงานราคาถูก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมประมง เครื่องนุ่งห่ม และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียรายงานว่า เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนด “ภาษีตอบโต้” ต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก่อความกังวลใจว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นจะกดดันธุรกิจในแถบอาเซียนที่เคยพึ่งพาแรงงานราคาถูกเป็นหลัก

หนึ่งในภาคส่วนที่มีความเสี่ยง คือ “อุตสาหกรรมประมง” และ “เครื่องนุ่งห่ม” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก และพึ่งพาตลาดหลักอย่างสหรัฐ

“สหรัฐ” เป็นตลาดปลายทางที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมประมงของเวียดนาม โดยคิดเป็นราว 20% ของยอดการส่งออกจากกรุงฮานอย

“สหรัฐ เป็นตลาดหลักที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกร และชาวประมงเวียดนามหลายแสนคน” เหงียน หว่าย นาม เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออก และผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม กล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” (TU) ผู้จำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดในโลก ก็สร้างรายได้ประมาณ 40% จากตลาดอเมริกาเหนือ นอกเหนือจากการส่งออกปลาทูน่าที่แปรรูปในไทยแล้ว ยังจัดหาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ให้กับบริษัทใหญ่ๆ ด้วย

สำหรับผู้ผลิต “ชิ้นส่วนรถยนต์” และ “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” ก็เผชิญกับความเสี่ยงเช่นกัน โดย เย็บ ซู ชวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ในไทยเผยว่า ภาษีเหล่านี้จะทำให้โอกาสทางธุรกิจในอนาคตสูญหาย

เย็บ ซู ชวน คาดว่า ผลกระทบโดยตรงจากภาษีจะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไทยส่งออกปิกอัพไปยังสหรัฐน้อย แต่ยอดการสั่งซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลังจากการประกาศภาษีของทรัมป์ ความต้องการดังกล่าวอาจไม่สามารถคาดหวังได้อีกต่อไป

ที่ผ่านมา หลายบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐ ได้เติบโตผ่านโมเดลธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น โดยใช้ “แรงงานราคาถูก” ในภูมิภาคเพื่อผลิต และจัดส่งสินค้าในต้นทุนต่ำ ตั้งแต่ทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา ธุรกิจต่างประเทศก็ได้ย้ายการผลิตมาที่ภูมิภาคนี้ ท่ามกลางต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นในจีน รวมถึงการจ้างงานบริษัทท้องถิ่น ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค