2 ออสซี่ ‘ฮีโร่ถ้ำหลวง’ปลื้มปิติรับเครื่องราชฯ
ความช่วยเหลือจากออสเตรเลีย แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่บุคคลที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ. เชียงราย เมื่อปีที่แล้ว
วานนี้ (19 เม.ย.) เวลา 14.00 น. ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายริชาร์ด เจมส์ ดันบาร์ แฮร์ริส และนายเคร็ก โจนาทาน แชลเลน เจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนประเทศไทย
การเยือนไทยของบุคคลทั้งสองครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังภารกิจกู้ภัยดังกล่าวเสร็จสิ้นไปแล้วไปนานเกือบ 1 ปี และเป็นโอกาสในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชนระหว่างไทยกับออสเตรเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ให้แก่บุคคลที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย จำนวน 187 คน โดยนายแฮร์ริส และนายแชลเลน ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์
ก่อนการหารือ นายแฮร์ริสและนายแชลเลน ได้ร่วมพิธีรับมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ณ ห้องสีงาช้าง จากนั้น นายแฮร์ริสและนายแชลเลน ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี โดยพล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ขอขอบคุณทั้งสองอีกครั้งที่ได้มีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญในภารกิจกู้ภัยที่ถ้ำหลวงฯ ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกมาได้อย่างปลอดภัย และพร้อมให้การต้อนรับคณะและครอบครัว ในฐานะเพื่อนที่ดีของไทย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความยินดีที่ทั้งสองได้รับมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ในครั้งนี้ และยินดีที่ได้รับรางวัล ชาวออสเตรเลียแห่งปี 2562 ซึ่งถือเป็นรางวัลเกียรติคุณสูงสุดสำหรับพลเรือนของออสเตรเลียจากการลงคะแนนของประชาชนออสเตรเลียทั้งประเทศ รวมทั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Order of Australia และเหรียญเชิดชูเกียรติความกล้าหาญ Star of Courage ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวีรกรรมของทั้งสองจะเป็นที่ชื่นชมและจดจำตลอดไป
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ความช่วยเหลือและไมตรีจิตจากออสเตรเลียแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนและแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ อย่างยั่งยืนในอนาคต
ด้านนายอัลลัน แมคคินนอน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย รู้สึกภาคภูมิใจที่ชาวออสเตรเลียได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ และรู้สึกอบอุ่นที่รัฐบาลและประชาชนไทยให้การต้อนรับอย่างดี
นายแฮร์ริส กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย และรู้สึกชื่นชมความทุ่มเทของทีมช่วยเหลือของไทย
ขณะที่คู่สมรสของนายแชลเลนกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่สามีมีส่วนช่วยในภารกิจครั้งนี้ และสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกมาได้อย่างปลอดภัย
ในวันเดียวกันก่อนเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี นายแมคคินนอนได้นำนายแฮร์ริส และนายแชลเลน เดินทางไปกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเข้าพบหารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ภายหลังการหารือดังกล่าวนายแชลเลน ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่ได้กลับมาไทยอีกครั้ง สำหรับเหตุการณ์การช่วยเหลือเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี ในตอนนั้น เขาคิดว่า คงมีแค่สื่อมวลชนบางส่วนที่ให้ความสนใจเท่านั้น แต่กลับพบว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนจำนวนมากซึ่งตนก็รู้สึกประทับใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้านนายแฮร์ริส กล่าวว่า การเข้าไปช่วยเหลือเยาวชนกลุ่มในครั้งนั้น ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี สำหรับการกลับมาไทยครั้งนี้ เขาและนายแชลเลนจะเดินทางไป จ.เชียงราย อีกครั้ง โดยจะได้พบและพูดคุยกับเยาวชนทั้ง 13 คนด้วย
"ที่จริงแล้ว เยาวชนกลุ่มนี้ถือเป็นผู้ประสบโชคร้ายในครั้งนั้น แต่ปัจจุบัน พวกเขาควรจะมีความสุขในการใช้ชีวิตของตัวเอง โดยไม่ควรให้มีใครที่มาวิพากษ์วิจารณ์หรือตำหนิอะไรต่อเยาวชนกลุ่มนี้อีก"
เมื่อถามว่าหากเกิดเหตุการณ์ลักษณะที่มีผู้ติดอยู่ในถ้ำเช่นนี้อีก ทั้งสองพร้อมที่จะกลับมาให้ความช่วยเหลืออีกหรือไม่ นายแฮร์ริส กล่าวว่า “พวกเราพร้อมที่จะมาช่วยเหลือ หรือเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาในครั้งต่อไปอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”