‘โจโกวี’ ลั่นบรรลุเป้าศก.ในสมัย2
วิสัยทัศน์ อินโดนีเซีย 2045 เป็นโรดแมปสู่การผงาดเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก ด้วยมูลค่าจีดีพี 7.3 ล้านล้านดอลลาร์ให้ได้ภายในปี 2588
ประธานาธิบดีโจโก “โจโกวี” วิโดโด ของอินโดนีเซีย แถลงในงานเปิดตัว “วิสัยทัศน์ อินโดนีเซีย 2045” ในกรุงจาการ์ตา วานนี้ (9 พ.ค.)ต่อบรรดาผู้นำทางศาสนาว่า รัฐบาลจะยุบหน่วยงานรัฐบาลที่ไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต เพราะยิ่งองค์กรมีความคล่องตัวมากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งบริหารงานได้เร็วขึ้น และตัดสินใจนโยบายต่าง ๆ ได้ยืดหยุ่นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายโจโกวีรับปากว่าจะมุ่งเน้นเรื่องเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงทรัพยากรมนุษย์ด้วย
ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ อินโดนีเซีย 2045เป็นโรดแมปสู่การผงาดเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5ของโลก ด้วยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) 7.3 ล้านล้านดอลลาร์ให้ได้ภายในปี 2588 หรือครบรอบ 100 ปีการเป็นประเทศเอกราช
การจะบรรลุเป้าหมายเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลกภายในปี 2588 เศรษฐกิจจะต้องเติบโตเฉลี่ย 5.7% ต่อปี สูงกว่า 5 ปีที่ผ่านมาที่เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวว่า เขาพยายามทำให้การทำธุรกิจในประเทศมีความง่ายขึ้นตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2557 แต่นักลงทุนยังคงรู้สึกว่ามีอุปสรรคในการสู่ธุรกิจบางอย่างอยู่ เช่น การลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าต้องขอใบอนุญาตทั้งหมด 259 ใบ รัฐบาลของเขาได้ลดลงเหลือ 58 ใบแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามากเกินไป
"จริง ๆ แล้ว ผมต้องการลดการขอใบอนุญาตให้เหลือแค่ 5 ใบเท่านั้น ผมรู้สึกหงุดหงิดมากที่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เห็นอยู่ทนโท่"
ประธานาธิบดีโจโกวีวัย 57 ปีชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมาตามที่สำนักสำรวจความเห็นเอกชนคำนวณจากตัวอย่างคะแนนเสียง แต่ผลอย่างเป็นทางการจะประกาศในวันที่ 22 พ.ค.นี้
บรรดาผู้ช่วยของนายโจโกวีเผยว่า เขาจะสานต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจขนานใหญ่ในการดำรงตำแหน่งวาระ 2ที่จะสิ้นสุดในปี 2567 ด้วยการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนครั้งสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนตั้งข้อสงสัยว่า เขาจะสามารถจัดการกับกลุ่มผลประโยชน์ทรงอิทธิพลและปรับเปลี่ยนระบบราชการอันเชื่องช้าที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปได้อย่างไร
“ใน 5 ปีข้างหน้า ผมจะไม่ต้องแบกรับภาระอะไรแล้ว” นายโจโกวีเสริม และว่า “ผมจะบริหารประเทศอีกสมัยไม่ได้แล้ว อะไรก็ตามที่ดีที่สุดสำหรับประเทศนี้ ผมจะทำ”
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญอินโดนีเซียกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย