'เจฟฟรีย์ เอปสตีน' ตายหนีอายหรือมีเงื่อนงำ
เปิดโปงทฤษฎีสมคบคิด ‘เจฟฟรีย์ เอปสตีน’ ตายหนีอายหรือมีเงื่อนงำอย่างไร
สื่อต่างชาติพากันตั้งข้อสงสัยถึงกรณียังไม่ทันที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพและผู้อำนวยการเรือนจำกลางมหานครนิวยอร์กจะแถลงถึงสาเหตุการตายของเจฟฟรีย์ เอปสตีน วัย 66 ปี นักการเงินและผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ผู้ทรงอิทธิพลและร่ำรวยขั้นอภิมหาเศรษฐีพันล้าน
เว็บไซต์ของสื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอย่างยาฮู นิวยอร์กไทมส์ และวอชิงตันโพสต์ ต่างพาดหัวใหญ่ไปในทางเดียวกันว่า เป็นเรื่องของฆาตกรรมซ่อนเงื่อนหรือทฤษฎีสมคบคิด ไม่ใช่การฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอภายในห้องขังของเรือนจำที่ได้ขึ้นชื่อว่า มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศนี้
นอกจากนี้ ยังมีนักโทษดังๆหลายคนรวมถึงเบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ เจ้าของแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ไปจนถึงราชายาเสพย์ติดโลกอย่าง เอล ชาโป และ พอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการหาเสียงของทรัมป์ ก็เคยอยู่พักหนึ่งก่อนจะย้ายออกไป
ท่ามกลางความเคลือบแคลงใจว่า ใครจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการตายของเอปสตีน ทำให้หลายคนโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าการตายของเขาอาจจะมีเงื่อนงำชวนพิศวงไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “เหตุใดเรือนจำที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด จึงปล่อยให้ผู้ต้องขังที่เคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ถูกขังอยู่คนเดียวเมื่อจู่ๆ มีคำสั่งย้ายนักโทษคนหนึ่งที่เคยอยู่ในห้องขังเดียวกันไปขังที่อื่น ซึ่งเท่ากับฝ่าฝืนกฎระเบียบที่ว่านักโทษที่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ถ้าไม่ถูกแยกออกไปคุมขังในศูนย์เฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย ก็ต้องถูกขังในห้องขังที่มีนักโทษอยู่ด้วย
อีกคำถามหนึ่งก็คือ “ทำไมผู้คุมที่มีหน้าที่ต้องเดินไปตรวจสอบดูห้องขังของเขาทุกๆ 30 นาที กลับละเลยหน้าที่นี้เป็นเวลาหลายชั่วโมง” แม้ประธานสหภาพแรงงานพยายามแก้ตัวแทนว่าเป็นเพราะมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้คุมจำนวนมากต้องทำงานล่วงเวลาติดต่อกัน 4-5 วัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 60-70 ชั่วโมง ทำให้เหนื่อยล้าจนเกิดความบกพร่องในหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น