ท่าที 'สหรัฐ' สวนทาง 'อียู-จีน' มุ่งมั่นลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประสานเสียงผู้นำจีน มุ่งเพิ่มปริมาณลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หวังแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตรงข้ามท่าทีสหรัฐ เริ่มกระบวนการถอดถอนข้อตกลงปารีส ส่งผลต่อแนวโน้มรับมือภาวะโลกร้อน คาดมีผลช่วงเลือกตั้งสหรัฐปี 63
นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวในระหว่างร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (ซีไอไออี) 2019 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ในวันนี้(5 พ.ย.) ว่า สหภาพยุโรปกับจีนได้ร่วมมืออย่างมุ่งมั่นที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ขณะที่สหรัฐเริ่มกระบวนการถอนตัวจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ
ด้าน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กล่าวภายงานเดียวกันว่า หากต้องการทำตามพันธกรณีในความตกลงปารีส ทุกฝ่ายจะต้องเพิ่มความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและต้องมีพันธกรณีใหม่ ๆ สำหรับปี 2574 และ 2593 ทั้งนี้ อียู-จีนมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ และทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันเพิ่มการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2563
ก่อนนี้จีนและฝรั่งเศสรับปากในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือจี 20 ที่นครโอซากาว่า จะเพิ่มการแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มากขึ้นจากระดับปัจจุบันเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นสูงสุดเท่าที่สามารถทำได้
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐโดยระบุว่า การถอนตัวจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า สหรัฐประกาศเริ่มกระบวนการถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า มีแผนจะถอนตัวออกจากความตกลงดังกล่าว โดยกล่าวว่าความตกลงดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับสหรัฐ" สหรัฐได้ยื่นขอถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการแก่สหประชาชาติ โดยการถอนตัวจะมีผล 1 ปีให้หลังนับจากวันที่ยื่นขอถอนตัว
การประกาศดังกล่าวมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อความพยายามที่จะรับมือภาวะโลกร้อนทั่วโลก แม้ว่าทั่วโลกจะตื่นตัวเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน