คาดกระแสแบนสินค้ามะกันฉุดยอดขายวันคนโสดจีน

คาดกระแสแบนสินค้ามะกันฉุดยอดขายวันคนโสดจีน

ใกล้ถึงวันคนโสดในจีนเข้ามาทุกที เราอาจจะได้เห็นการคว่ำบาตรสินค้าแบรนด์อเมริกันในงานวันคนโสด ที่ถือเป็นมหกรรมช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ผลสำรวจของเอลิกซ์ พาร์ทเนอร์ส แอลแอลซี บริษัทที่ปรึกษาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ว่า 78%ของผู้บริโภคชาวจีนจำนวน 2,000 คนที่ถูกสุ่มสำรวจ ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองรองเทียร์1 และเทียร์ 2 ระบุว่า พวกเขาจะคิดทบทวนใหม่อีกครั้งในการซื้อสินค้าจากบริษัทอเมริกันในงานวันคนโสดที่จัดเป็นประจำทุกปีวันที่ 11 พ.ย.

“แบรนด์สินค้าอเมริกันกำลังได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และผลกระทบดังกล่าวจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมในมหกรรมขายสินค้าวันคนโสดของอาลีบาบา ”ผลสำรวจระบุ

หลังจากมีการตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐและจีนที่เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว บรรดาผู้บริโภคชาวจีนก็เริ่มเกิดความรู้สึกชาตินิยม ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้นในการซื้อสินค้าแบรนด์อเมริกัน รวมทั้งมีความหวาดระแวงว่าจะถูกสหรัฐครอบงำและรุกรานทั้งในด้านวัฒนธรรมและอธิปไตยของประเทศ สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับมุมมองของบรรดาบริษัทตะวันตกที่มองว่าจีนเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีโอกาสเติบโตสูง และต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดขนาดใหญ่นี้

157299891064

ในวันคนโสดปีที่แล้ว อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอีคอมเมิร์ซ สร้างปรากฏการณ์ขายสินค้าครบ 24 ชั่วโมงในมหกรรมฉลองวันคนโสดของจีนด้วยยอดขายกว่า 2.135 แสนล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากยอดขายวันเดียวกันของปีที่แล้ว

แดเนียล จาง ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)และว่าที่ประธานอาลีบาบาในขณะนั้น บอกว่า ยอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี2561 นอกจากเป็นผลพวงจากพลังของบริษัทในเครือของอาลีบาบาแล้ว ปีนี้เทศกาลวัน 11.11 ตรงกับวันหยุดพอดี การช้อปปิ้งในวันหยุดจึงคึกคัก และทำให้ยอดขายของบริษัทพุ่งตั้งแต่เช้าที่เริ่มเปิดการขาย ถือว่าปีนี้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมาก

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 ที่เริ่มต้นกิจกรรมลดราคาสินค้าวันคนโสดเป็นครั้งแรก อาลีบาบา ทำยอดขายได้เพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ เว็บไซต์ข่าวอลิซิลารายงานว่า ปี 2561 อาลีบาบา ได้นำระบบอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ และบล็อกเชนเข้ามาใช้ในการจัดส่งสินค้าในเทศกาลวัน 11.11 เพื่อใช้ในการติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์

วันคนโสด ที่เกิดจากแนวคิดของหม่ากับจาง ซีอีโอคนปัจจุบัน ที่มารับตำแหน่งประธานบริหารต่อจากหม่า ทำลายสถิติทั้งของเทศกาลช็อปปิ้งออนไลน์เจ้าอื่นและสถิติของตัวเองเรื่อยมา สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาจากพิษสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

ในส่วนของแบรนด์สินค้าไทย ที่ได้เข้าร่วมการซื้อขายระบบออนไลน์ผ่านเว็บอาลีบาบาในวันคนโสดมี เครื่องสำอางค์มิสทีน แบรนด์รังนกและซุปไก่สกัด ซึ่งทำยอดขายได้ดีเช่นเดียวกับสินค้าแบรนด์จาก 75 ประเทศทั่วโลก ที่เข้าร่วมมหกรรมลดราคาสินค้าในปี2561

ที่จริงแล้ว ไม่ได้มีแค่ประเด็นสงครามการค้าอย่างเดียวที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านสินค้าแบรนด์อเมริกันในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีน ในช่วงที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐพยายามสร้างแรงกดดัน บีบให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์ระบบโทรคมนาคมของจีน กระเด็นออกจากตลาดเทคโนโลยีการสื่อสาร 5จี ในหลายประเทศทั่วโลก โดยสหรัฐอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง จนทำให้เกิดปรากฏการณ์สงสารหัวเว่ย และเกลียดชังสหรัฐอย่างรุนแรง

157299907838

ที่เห็นได้ชัดเจนคือกระแสชาตินิยม ทำให้ผู้คนในจีนหันกลับมาสนับสนุนสินค้าแบรนด์จีน มีการรณรงค์ให้ชาวจีนงดใช้โทรศัพท์มือถือไอโฟน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทแอ๊ปเปิ้ล จากสหรัฐ และหันมาสนับสนุนสมาร์ทโฟนของบริษัทหัวเว่ยแทน

ทุกวันนี้ หัวเว่ย เป็นสมาร์ทโฟนที่ทำยอดขายเป็นอันดับ2 ของโลกรองจากซัมซุง โดยยอดขายไอโฟนในตลาดจีนชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทลดลงเช่นกัน โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของแอปเปิ้ลร่วงลงกว่า 13%

แม้แต่เหตุวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกง ก็ถูกโยงเข้ากับกระแสรักชาติในโลกโซเชียลของจีน ตลอดจนเซเลบในวงการบันเทิงจีน จนทำให้เกิดการต่อต้าน 3 แบรนด์ดังคือ โค้ช จิวองชี และ เวอร์ซาเช ที่ผลิตเสื้อยืดพิมพ์ข้อความเป็นชื่อเมืองต่างๆ และตามด้วยประเทศ แต่กลับไม่มีฮ่องกงและมาเก๊าที่ไม่ยอมระบุว่าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน สร้างความไม่พอใจอย่างมาก จนเกิดกระแสต่อต้าน 3 แบรนด์นี้ทางโลกโซเชียล

ส่วนแบรนด์สินค้าอเมริกันที่ถือว่าเป็นเป้าใหญ่ของการคว่ำบาตรหนีไม่พ้น ผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆของบริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ โดยนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ให้ความเห็นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ลามมาเป็นข้อพิพาทด้านเทคโนโลยี อาจทำให้เกิดผลเสียหายมหาศาลต่อแอ๊ปเปิ้ล บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ โดยรายได้ของแอ๊ปเปิ้ลที่มาจากตลาดจีนนั้นมีมากกว่า 17% ของยอดขายโดยรวมรายไตรมาส (ม.ค.-มี.ค.2562) และสร้างกำไรให้บริษัทมากถึง 29%

157299916887

จึงมีความเป็นไปได้สูงที่รายได้ของแอ๊ปเปิ้ลในตลาดจีนจะได้รับผลกระทบ และลดลงถึง 29% หากจีนประกาศแบนสินค้าของแอ๊ปเปิ้ล เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐทำธุรกิจกับบริษัทของจีน โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ

จับตามองให้ดีว่า ยอดขายสินค้าโดยเฉพาะแบรนด์อเมริกันในวันคนโสด 11 พ.ย.ที่จะถึงนี้ จะเป็นอย่างไร หากยอดขายร่วงลงอย่างหนัก ตามที่ผลสำรวจระบุ ก็แสดงว่ามีกระแสชาตินิยมและกระแสต่อต้านสินค้าอเมริกันในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนจริงๆ