'เศรษฐกิจ-การเมืองจีน' ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ปี 63

ในฐานะที่จีนเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ไม่ว่าขยับไปทางไหนย่อมมีนัยสำคัญต่อความเป็นไปของโลก ล่าสุด มอร์แกน สแตนลีย์ ได้เผยแพร่รายงาน 10 ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกปี2563ที่จะสั่นคลอนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม

ประกอบด้วย 1.กระแสความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบของโลกประชาธิปไตย 2.การแข่งขันกันอย่างดุเดือดของกลุ่มการค้าต่างๆทั่วโลก 3.ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่จีนรวมเป็นส่วนหนึ่งของจีน โดยเฉพาะการประท้วงในฮ่องกง 4.ความผันผวนของการเลือกตั้งสหรัฐ

5.ความล่าช้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจในยูโรโซนและค่าเงินยูโรที่ผันผวน 6.ประชานิยม-ความเหลื่อมล้ำ และความสำคัญของผู้ถือหุ้นที่จะมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ 7. ทิศทางตลาดโลกในรูปแบบญี่ปุ่นจะไม่ได้รับการยอมรับ 8.ไซเบอร์และความเสี่ยงด้านเอไอปะทะสงครามเอไอ 9 อิหร่านจะถูกบับคั้นมากขึ้นทั้งในมิติของเศรษฐกิจและการเมืองและ10. การปรับแต่งพันธุกรรมหรือยีนเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

การเผยแพร่รายงานชิ้นนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เดินทางมามาเก๊าเพื่อร่วมงานครบรอบ 20 ปี รัฐบาลโปรตุเกสส่งมอบมาเก๊าคืนให้รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ โดยผู้นำจีนได้กล่าวยกย่องการที่คณะผู้บริหารมาเก๊า สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในทุกด้านได้เป็นอย่างดี และการที่ชาวมาเก๊าให้เกียรติต่อมาตุภูมิ ซึ่งสี จิ้นผิงเห็นว่า มีแต่จะยิ่งได้รับความเจริญกลับคืนมา

ประธานาธิบดีสี ร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำและชมการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม ที่คณะผู้บริหารมาเก๊าเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันพฤหัสบดี(19ธ.ค.) เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวาระที่ปีนี้ครบรอบ 20 ปี รัฐบาลโปรตุเกสส่งมอบเกาะมาเก๊าคืนให้แก่รัฐบาลแผ่นดินใหญ่ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ปี2542 ซึ่งประธานาธิบดีสี ย้ำว่า จีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊าเป็นครอบครัวเดียวกัน ตราบใดที่สถานการณ์ในมาเก๊ามีความสงบเรียบร้อย กิจการของทั้งแผ่นดินใหญ่และมาเก๊าจะมีแต่เจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ

ผู้นำจีน ยังยกย่องคณะผู้บริหารมาเก๊า ที่ปลูกฝังแนวคิดให้ประชาชนมีความรักต่อมาตุภูมิ ซึ่งก็คือทั้งแผ่นดินใหญ่และมาเก๊า ให้สามารถเข้าสู่ทุกภาคส่วนในสังคม และการที่รัฐบาลมาเก๊าสามารถป้องกันการแทรกแซงจาภายนอก ซึ่งต้องการรบกวนและทำลายเสถียรภาพ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงอย่างจริงจัง

พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมชาวมาเก๊าที่ให้เกียรติและมีความเคารพต่อธงชาติจีนและธงมาเก๊า ซึ่งในส่วนนี้ แม้ประธานาธิบดีสี ไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองภายในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานกว่าครึ่งปี แต่ทุกฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่าถ้อยคำของประธานาธิบดีสี เป็นการเปรียบเทียบมาเก๊ากับฮ่องกงที่ชัดเจนมาก

การเยือนมาเก๊าของประธานาธิบดีสีครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่รับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเมื่อเดือนพ.ย. ปี2555 ซึ่งนอกจากร่วมงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว ประธานาธิบดีสียังเยี่ยมชมสถานที่สำคัญและโครงการพัฒนาหลายด้านของมาเก๊า

ส่วนสถานการณ์ชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่แม้ระยะนี้การชุมนุมยังคงเดินหน้าแต่จำนวนผู้เข้าชุมนุมค่อนข้างน้อย แต่ล่าสุด ตำรวจฮ่องกง ได้อายัดเงินประมาณ70ล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือประมาณ 271 ล้านบาท จากกองทุนออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งสนับสนุนผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล และจับกุมผู้ต้องสงสัย 4 คนฐานฟอกเงิน จากการนำเงินบางส่วนไปใช้อย่างผิดกฎหมาย

สำนักงานตำรวจฮ่องกง ออกแถลงการณ์เรื่องการอายัดเงินจำนวนดังกล่าวจากกองทุนไม่แสวงหาผลกำไรออนไลน์ชื่อสปาร์ค อัลลิอันซ์ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2559 ทำหน้าที่สื่อกลางในการระดมทุน และรวบรวมเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนนักวิจารณ์และนักกิจกรรมการเมืองฝ่ายต่อต้านคณะผู้บริหารฮ่องกง

สปาร์ค อัลลิอันซ์ เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ 1 ใน 2 แห่ง ที่รวบรวมเงินได้จำนวนมหาศาล เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางกฎหมายและช่วยเหลือผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาแต่เมื่อสืบสวนแกะรอยลึกยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่พบว่า มีการนำเงินบางส่วนจากกองทุนดังกล่าวไปใช้อย่างผิดกฎหมาย โดยเป็นการถ่ายโอนไปยังบริษัทนอมินี และการลงทุนด้านการประกันภัยส่วนบุคคล ซึ่งผู้ได้รับผลประโยชน์ตัวจริงคือบุคคล ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบริษัทนอมินี

ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 4 คน เป็นชาย 3 คนและหญิง 1 คน อายุระหว่าง 17 ปีถึง 50 ปี ฐานต้องสงสัยร่วมกันฟอกเงินและเป็นเจ้าของบริษัทนอมินีแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างชัดเจน ว่าเงินจากสปาร์ค อัลลิอันซ์ ที่ใช้ช่วยเหลือผู้ประท้วงจะถูกนับรวมเป็นการฟอกเงินด้วยหรือไม่

ด้านสปาร์ค อัลลิอันซ์ ออกแถลงการณ์ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและได้ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่บุคคลทั้งสี่แล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ส่วนเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจนหลายประเทศวิตกกังวลนั้น ล่าสุด นายเซิ่ง ซ่งเฉิง อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะขยายตัวที่ระดับ 6.1% ในปี 2562 และคาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% ในปี 2563 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

นายเซิ่ง คาดการณ์ว่า การบริโภค การลงทุน และการค้า จะฟื้นตัวขึ้น และเศรษฐกิจก็ส่งสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อย รวมถึงมาตรการการปฏิรูปปัจจุบันและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มีแนวโน้มที่จะสร้างศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจจีน

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายคน ยังคงไม่มั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจจีน โดยมองว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจเกิดจากการบิดเบือนด้านนโยบายมากกว่าอุปสงค์ที่แท้จริง

ที่ผ่านมา "จู ไห่ปิน" หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของเจพี มอร์แกน มองว่า ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งการคาดการณ์นี้สวนทางกับมุมมองตลาดที่มองว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงในปีหน้า