'กอส์น' โดน 'หมายแดง' อินเตอร์โพล-แจงวางแผนหนีคนเดียว
“อินเตอร์โพล” ส่ง “หมายแดง” ไปยังเลบานอน ขอให้จับกุมและส่งตัว คาร์ลอส กอส์น กลับไปที่ญี่ปุ่น แต่รัฐบาลเบรุตยังนิ่ง ด้านอดีตประธานบริหารนิสสัน มอเตอร์ ออกโรงแจงครั้งแรกหลังหลบหนีถึงเลบานอนว่าจัดฉากการหนีออกจากญี่ปุ่น "เพียงคนเดียว"
นายอัลเบิร์ต เซอร์ฮาน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเลบานอน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) ว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติได้รับ “หมายแดง” จากองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลเบรุตจับกุมนายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริหารบริษัทนิสสัน มอเตอร์ และส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ รัฐบาลเลบานอนยังไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อการหลบหนีของนายกอส์น วัย 65 ปี
ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงของเลบานอนยังไม่ได้ส่งหมายแดงของตำรวจสากลต่อไปยังหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อเชิญตัวนายกอส์นมาสอบปากคำตามขั้นตอน และเลบานอนกับญี่ปุ่นไม่มีความร่วมมือด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดน อีกทั้งหมายแดงของอินเตอร์โพล “ไม่ใช่หมายจับ”
นายเซอร์ฮานกล่าวเพียงว่า เลบานอนจะทำตามหน้าที่ของตัวเองและยืนยันว่านายกอส์นซึ่งถือสัญชาติเลบานอน บราซิล และฝรั่งเศส เดินทางเข้าประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปฏิเสธแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระแสข่าวว่า นายกอส์นใช้หนังสือเดินทางของฝรั่งเศส 1 ใน 2 เล่มที่มีอยู่เพื่อผ่านแดนเข้าเลบานอน
ด้านนายกอส์นออกมาชี้แจงในวันเดียวกันหลังหลบหนีจากญี่ปุ่นไปดื่มด่ำอิสรภาพที่กรุงเบรุตว่า เขาจัดฉากการหลบหนีประกันออกนอกญี่ปุ่นเพียงลำพัง ไม่เกี่ยวกับสมาชิกคนใดในครอบครัวโดยเฉพาะภรรยา คือนางแคโรล กอส์น
ก่อนหน้านี้ มีรายงานแพร่สะพัดว่า ภรรยาของนายกอส์นใช้อิทธิพลทางการเงินเป็นใบเบิกทางให้สามีหลบหนี
ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับนายกอส์นเผยว่า การตัดสินใจหลบหนีเกิดขึ้นหลังอดีตบอสของนิสสันได้รับแจ้งว่า ศาลแขวงกรุงโตเกียวเลื่อนการไต่สวนคดีหนึ่งออกไปเป็นเดือน เม.ย. 2564 และความเครียดจากการไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับภรรยา
ด้านรัฐบาลตุรกียังคงควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 7 คนไว้สอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นายกอส์นแอบใช้สนามบินนานาชาติอิสตันบูลเป็นเส้นทางหลบหนีหรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนพุ่งเป้าไปที่ 2 เที่ยวบิน คือเครื่องบินโดยสารบอมบาร์เดียร์ รหัส “ทีซี-ทีเอสอาร์” มีต้นทางจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ในเมืองโอซากาของญี่ปุ่น ลงจอดที่อิสตันบูลเวลา 05.15 น.ของวันที่ 30 ธ.ค. และเครื่องบินโดยสารบอมบาร์เดียร์ ชาลเลนเจอร์ 300 รหัส “ทีซี-อาร์แซดเอ” ออกเดินทางไปยังกรุงเบรุต หลังจากเครื่องบินลำแรกลงจอด 45 นาที